วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

คำขอโทษจากผม...ถึงทุกคนที่รำคาญพันธมิตร

Rating:★★★★★
Category:Other

 




คำขอโทษจากผม
ถึงทุกคนที่รำคาญพันธมิตร





       
หากจดหมายขอโทษของผม จะมีประโยชน์แก่ใครก็ตาม ได้โปรดช่วยส่งต่อคำขอโทษของผมให้มีคนได้ยินให้ได้มากที่สุด
        อย่างน้อยเพื่อคุณได้แสดงจุดยืนว่า คุณก็เป็นคนหนึ่ง ที่ไม่เคยชอบการเอารัดเอาเปรียบ การโกงกินบ้านเมือง และยังเชื่อในเสรีภาพของประชาชน
        ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ชาวพันธมิตรฯ เสื้อเหลือง
        ถึงแม้ว่าคุณจะเคยรำคาญรถติดที่เกิดจากพวกชาวพันธมิตรฯ
        และไม่พอใจอะไรอีกต่าง ๆ

       
แต่หากคุณยังเชื่อในความถูกต้อง...
        ได้โปรดรับคำขอโทษของพวกผม...
        และช่วยให้ทุกคนได้รับทราบถึงคำขอโทษนี้
        เพราะหากความยุติธรรมมันไม่เหลือบนแผ่นดินนี้ ผมอาจไม่มีชีวิตได้กลับมาบอกคุณอีก


       
เราขอโทษคุณทุกคนที่ทำให้รถติด ที่ทำให้การเดินทางของคุณไม่สะดวกสบาย แต่เราแค่อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนที่คุณอยากได้...

        เรายังอยากมีผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเราเหยียบ....

        เรารอให้รัฐบาลนี้แปรรูปสมบัติชาติทุกชิ้นเป็นของตัวเองจนหมดชาติไม่ได้ เพราะเรายังอยากให้ลูกหลานของเราภูมิใจ ว่าแผ่นดินไทย ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร แม้แต่ชินวัตรและพวกพ้อง

        หากเหตุผลของเราเพียงพอ...เราอยากให้คุณยกโทษให้พวกเรา

        เราต้องเขียนมาขอโทษ เพราะถ้าพวกเราบางส่วนต้องตายไปกับการต่อสู้ครั้งนี้ เราอยากให้พวกคุณทุกคนรู้ว่า เรามีเจตนาบริสุทธิ์ และเราแค่กำลังเรียกร้องในทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณเองก็อยากได้ เพื่อแผ่นดินที่พวกเราเกิด โต และจะตายที่นี่...

        พวกเราไม่มีอาวุธเหมือนดังที่ข่าวป้ายสี

        พวกเราไม่เคยทำลายสมบัติราชการ ไม่เคยทำลาย
NBT อย่างที่โดนป้ายสี เพราะพวกเรารู้ว่านั่นก็เป็นเงินภาษีของเราเช่นกัน

        พวกเรารักและหวงแหนสมบัติชาติทุกชิ้น เพราะนั่นคือหยาดเหงื่อและแรงกายของพวกเรา ที่พวกเราทำมาตลอด เพื่อให้รุ่นลูกหลานเราได้ภูมิใจ

        เราขอโทษที่ทำให้รถติด เพราะพวกเราอยากให้คุณมองเห็นว่าเรากำลังทำงานและต่อสู้แทนคุณอยู่

        เราขอโทษที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายใช้คำรุนแรง แต่นั่นเพราะพวกเรากำลังเสียใจ ที่ลูกและหลานเรากำลังจะไม่มีชาติให้อยู่ และเสียใจมากกว่าที่แม้แต่คนที่บอกว่าเกลียดทักษิณด้วยกัน ก็ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ และยื่นมือมาช่วยแต่อย่างใด.... จนกลายเป็นไม่ชอบรัฐบาลแต่รำคาญพันธมิตรฯ

        และอีเมลนี้เป็นการขอโทษอีกครั้ง หากให้คุณช่วยเสียเวลาอ่านข้อความเหล่านี้... เพราะถ้าเราแพ้ เราอาจจะตาย และเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาบอกพวกคุณว่า เราไม่มีอาวุธ แต่เรามีแค่หัวใจ

        หัวใจของเราทุก ๆ ดวง ที่ไม่อยากแพ้ต่อความเห็นแก่ตัวและความเอารัดเอาเปรียบของคนกลุ่มหนึ่ง

        หัวใจของพวกเรา ที่พากายเราทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่ ถ้าคุณไม่เอาระบบทักษิณ เราจึงอยากให้คุณรู้ว่าเรากำลังสู้เพื่อคุณอยู่... และเจตนาของพวกเราบริสุทธิ์ ตรงไปตรงมาและมีเท่านั้นจริง ๆ

        วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในประวัติศาสตร์ วันที่ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าคอร์รัปชั่นอันดับท็อป ๆ ของโลกอย่างประเทศไทย มีพลังบริสุทธิ์ที่เงินซื้อไม่ได้ และพลังบริสุทธิ์นี้กำลังต่อสู้เพื่อส่วนร่วม เพื่อความเป็นชาติที่ทุกคนหวงแหน

       
พวกเราจะสู้ให้ถึงที่สุด ด้วยหัวใจของพวกเรา ให้แรงกายหมดจนสิ้น

        และหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อ่านมาได้จนถึงตรงนี้ เราแค่อยากขอบคุณหัวใจบริสุทธิ์ของพวกคุณอีกหนึ่งดวง ที่ทำให้พวกเรารู้ว่า ยังมีคนที่เชื่อมั่นในความถูกต้องอยู่ มีคนที่รักและหวงแหนในบ้านเกิด แผ่นดินของเรา
ถึงแม้คุณจะไม่เคยร่วมเดินกับเรา แต่เพียงแค่คุณไม่ได้เห็นชอบกับการกระทำใด ๆ ภายใต้ของระบบทักษิณ คุณแยกแยะถึงผิดชอบชั่วดีได้ เราก็ยินดีเหลือเกินที่เราได้ร่วมเกิดบนผืนแผ่นดินเดียวกัน

       
ขอขอบคุณในศักดิ์ศรีและความยิ่งใหญ่จากหัวใจของคุณ


 


 


ป.ล.
หากคุณยังเชื่อในความถูกต้อง...ได้โปรดรับคำขอโทษของพวกผม...และช่วยให้ทุกคนได้รับทราบถึงคำขอโทษนี้ เพราะหากความยุติธรรมมันไม่เหลือบนแผ่นดินนี้ ผมอาจไม่มีชีวิตได้กลับมาบอกคุณอีก


 


 


ที่มา : คำขอโทษจากผม...ถึงทุกคนที่รำคาญพันธมิตร
จากความคิดเห็นที่ ๑๒
ท้ายข่าว
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102030

ขอบคุณ :
คุณ "คนเขียนนิรนาม" ค่ะ


 





 



 


 

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ปรี๊ดดดดดดดดดดดด...เป่านกหวีดแล้ว

Rating:★★★★★
Category:Other

 


พันธมิตรฯ เป่านกหวีด
อังคาร ๒๖ ส.ค. ๗ โมงเช้า
ปลุกกู้ชาติก่อนล่มจม
  


 



พันธมิตรฯเป่านกหวีดครั้งสุดท้าย ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ก่อน “ชาติล่มจม” นัดระดมพลทั่วประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๒๕ สิงหาคม ก่อนเคลื่อนพลในเช้าตรู่อังคารที่ ๒๖ สิงหาคม “สนธิ” ย้ำภารกิจกู้ชาติอันศักดิ์สิทธิ์ต้องสิ้นสุด พร้อมทั้งให้พี่น้องตระเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นติดตัวมาให้พร้อม

      
        คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
      
       วันนี้ (๒๒ ส.ค.) เมื่อเวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พ.ค. ที่พันธมิตรฯ เริ่มชุมนุมใหญ่เพื่อเร่งรัดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ให้รัฐบาลโยกย้ายข้าราชการเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท. ทักษิณ ให้หลุดพ้นจากคดีทุจริต จากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้พัฒนาการต่อสู้ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหนีคดียุบพรรค และให้ พ.ต.ท. ทักษิณ พ้นความผิด
      
       นายสนธิยังอธิบายถึงการดิ้นรนของ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่มีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีความพยายามติดสินบนศาล แต่ไม่สำเร็จ และต้องหนีออกนอกประเทศ แต่กระบวนการขายชาติ ขายอธิปไตย ยังดำเนินการต่อไป เช่น กรณียกอธิปไตยประสาทพระวิหาร โดยมีนายนพดล ปัทมะ เป็นตัวแทน รวมทั้งขายชาติในรูปแบบโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน และทุกอย่างมี นายสมัคร สุนทรเวช มีส่วนร่วมและรับรู้
      
       นายสนธิกล่าวถึงกระบวนการล้มล้าง ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข ดา ตอร์ปิโด ขณะเดียวกัน มีกระบวนการกลั่นแกล้งตัวเองและพันธมิตรฯ อย่างต่อเนื่อง
      
       นายสนธิกล่าวว่า
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสแบบนี้มาก่อน ที่ทรงบอกว่าชาติใกล้ล่มจม
      
       “สมัยก่อนพระองค์ท่านเคยตรัสว่า ชาติยังไม่ล่มจม มากู้ชาติทำไม แต่ตอนนี้ชาติใกล้ล่มจม แสดงว่าถึงเวลากู้ชาติแล้ว นายสนธิระบุและว่า ตนเองขอพูดต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า ถึงเวลาประกาศการกู้ชาติครั้งสุดท้าย ขอให้พี่น้องในต่างจังหวัดเริ่มทยอยมารวมพลกันในคืนวันจันทร์ที่ ๒๕ สิงหาคม ส่วนพี่น้องในกรุงเทพฯให้มารวมพลสมทบตั้งแต่เช้าวันอังคาร ตั้งแต่ ๗ โมงเช้า
      
       “ให้พี่น้องจากทุกจังหวัดทั่วประเทศตระเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม เช่น เสื้อกันฝน ร่ม เสื้อผ้า อาหาร น้ำดื่ม วันอังคารที่ ๒๖ สิงหาคมนี้ ให้มาพร้อมกันตอน ๗ โมงเช้า หลังจากนั้นพวกเราจะเคลื่อนขบวนไม่เกิน ๘ โมง ส่วนจะไปที่ไหนจะบอกในวันนั้นอีกครั้ง แต่ต้องไม่ให้รัฐบาลนี้ทำงานต่อไปอย่างเด็ดขาด” นายสนธิระบุ
      

       แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ ยังกล่าวเรียกร้องว่า พี่น้องที่ฟังพระราชดำรัสที่ทรงบอกว่าบ้านเมืองใกล้ล่มจมแล้ว เวลานี้เรามีรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ เราจะปล่อยให้ล่มจมหรือ
      
       “รัฐบาลนี้สร้างแต่ความพินาศฉิบหายให้แก่บ้านเมือง และกว่า ๙๐ วันที่พี่น้องได้รับรู้มาตลอด” นายสนธิระบุและว่า ชัยชนะต้องแลกมาด้วยความอดทนและมุ่งมั่น และย้ำว่า ภารกิจศักดิ์สิทธิ์นี้ต้องสิ้นสุดไป และขอวิงวอนพี่น้องทั่วประเทศให้ออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
      

      
จากนั้น นายสนธิได้เป่านกหวีดส่งสัญญาณกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ



 
ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์
๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๑  ๒๒:๑๔ น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000099599
 






 



 คนรักทักษิณ
 ปลุกระดมปกป้อง
ชินวัตร
 นัดรวมตัว ๒๔ ส.ค.


            วันที่ ๒๒ ส.ค. ๒๕๕๑ นายอัมรินทร์ ผจญยุทธ์ ประธานชมรมคนรักทักษิณ พร้อมคณะ ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศที่มีอุดมการณ์รักและชื่นชม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมตัวกันปกป้องและรักษา พ.ต.ท. ทักษิณและครอบครัว จากความไม่ชอบธรรมและอิทธิพลครอบงำที่มีมาจากการรัฐประหาร โดย
มีการเรียกร้องให้ประชาชนที่คิดถึงพ.ต.ท. ทักษิณร่วมกันลงชื่อให้ครบ ๑๐๐,๐๐๐ รายชื่อ ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีการจัดงานรวมพลคนรักทักษิณ ขึ้นที่สวนจตุจักร ขณะเดียวกันจะมีการจำหน่ายไปรษณียบัตรจ่าหน้าถึงสถานทูตอังกฤษ ให้เขียนส่งความรู้สึกเพื่อสื่อไปยังประเทศอังกฤษ

            นายอัมรินทร์ยอมรับว่า พ.ต.ท. ทักษิณ อนุญาตให้ชมรมคนรักทักษิณ ใช้เว็บไซต์
www.hubthaksin.com เป็นช่องทางส่งข้อมูลข่าวสารให้พี่น้องประชาชน และเชื่อว่าจะมีบทความหรือวีซีดีจากประเทศอังกฤษ โดย พ.ต.ท. ทักษิณ จะส่งเข้ามาเผยแพร่ในเร็ววันนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันการเคลื่อนไหวดังกล่าวกระทำด้วยความคิดถึง พ.ต.ท. ทักษิณ และไม่คิดจะเปิดเวทีชี้แจงหรือตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด


ที่มา : ไทยอินไซเดอร์
http://thaiinsider.info/space/content/view/10471/12/
Friday, 22 August 2008




 

 


 


 

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ในหลวงทรงเตือน...บ้านเมืองใกล้ล่มจมเพราะใช้เงินไม่ระวัง

Rating:★★★★★
Category:Other



ในหลวงทรงเตือน
บ้านเมืองใกล้ล่มจมเพราะใช้เงินไม่ระวัง


 
 
“ในหลวง” พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้ว่าฯ ธปท.และคณะที่เข้าเฝ้าฯ ทรงขอให้บริหารเงินไม่ให้หมดประเทศ ทรงขอบใจที่เหน็ดเหนื่อยเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นงานหนัก และสามารถปฏิบัติงานด้านการเงินเป็นที่เรียบร้อย ไม่ให้บ้านเมืองล่มจม แม้ตอนนี้ใกล้ล่มจมแล้ว ซึ่งอาจเพราะใช้เงินไม่ระวัง
      
       เมื่อเวลา ๑๗.๓๑ น. วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหารสมาคมธนาคารไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน ซึ่งเป็นรายได้ส่วนเกินจากการเปิดให้ประชาชนแลกซื้อธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ชนิดราคา ๑๖ บาท ในราคาแลกซื้อ ๑๐๐ บาท เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย
      
       ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะที่เข้าเฝ้าฯ ความว่า “ขอขอบใจที่ท่านได้ทำงานอย่างเข้มแข็ง ได้ทำงานมากในงานของการธนาคาร ขอให้งานธนาคารที่ท่านทำเป็นผลดีสำเร็จ แต่ก่อนเงิน ๑๐ บาท ก็รู้สึกว่าเป็นเงินมาก เดี๋ยวนี้สิบบาท ร้อยบาท พันบาท หรือหมื่นบาท ก็ยังน้อย ทำไมมันน้อย แม้ล้านบาทก็ยังน้อย
      
       เมื่อครั้งไปขอเงินสมเด็จพระพันวษา ขอเงิน ๑ บาท ท่านให้ พอกำแหงหน่อยขอ ๕ บาท ก็ยังให้ ต่อมาขอท่าน ๑๐ บาท ก็ยังให้ แต่มาถึง ๕๐ บาท ท่านบอกไม่มี ถามว่างั้น ๑๐๐ บาท มีไหม ท่านบอกว่า มี แต่ต้องตัดบัญชีที่มีอยู่ อยากใช้เท่าไรก็ได้
      
       ท่านสอนว่าเราไม่ควรจะถลุงเงิน แม้ ๑๐๐ บาท ท่านไม่ให้ แต่วันนี้เป็นพันบาท หมื่นบาท แสนบาท ล้านบาท ท่านก็ให้ ร้อยล้านท่านก็ให้ สมัยนี้เปลี่ยนไป แต่ก่อน ๑๐๐ บาท ท่านไม่ให้ แต่สมัยนี้ ร้อยพันหมื่นแสนท่านก็เอามาให้ ต้องขอบใจท่านที่มีน้ำใจ เพราะว่าสมเด็จย่าท่านบอกว่า ถ้าให้ก็หมด หมดก็ไม่ให้แล้ว ตอนนี้ท่านให้มาเป็นจำนวนมาก หวังว่าท่านบริหารได้พันล้านหมื่นล้าน ขอให้ท่านทั้งหลายบริหารเงินไม่ให้หมด เพื่อให้ประเทศชาติมีเงินใช้ ขอขอบคุณที่มีความตั้งใจบริหารเงินของชาติไม่ให้หมดไป ให้มีใช้
      
       ขอบใจที่เหน็ดเหนื่อยเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นงานหนัก และสามารถปฏิบัติงานด้านการเงินเป็นที่เรียบร้อย ไม่ให้บ้านเมืองล่มจม แม้ตอนนี้ใกล้ล่มจมแล้ว ซึ่งอาจใช้เงินไม่ระวัง เพราะใช้เงินไม่ระวัง
      
       ขอบใจที่ท่านระวังเรื่องการดำเนินด้านการเงิน ขอให้สำเร็จในการบริหารการเงินของประเทศชาติ ขอบใจท่านที่เหน็ดเหนื่อยเรื่องการเงิน เรารู้ว่าท่านเหน็ดเหนื่อย ลำบากใจ นอกจากเหน็ดเหนื่อยแล้วยังถูกหาว่าทำไม่ได้ดี ทำไม่ถูกต้อง ขอบใจทุกคนที่มาในวันนี้ และยังทำงานอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้บ้านเมืองมีเงินใช้ ใครที่บริหารการคลังควรรู้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญของชาติบ้านเมือง
      
       ขอบทุกท่านที่ปฏิบัติงานเพื่อความสำเร็จของชาติบ้านเมือง ขอให้มีความสุขในการงานขอให้สำเร็จ”

 


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๑ ๒๑:๐๓ น.
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000098629


 


 

ดีใจ...บ้านเมืองมีคนที่ดียิ่งกว่าฉันไว้ใช้อีก ๓๐๐ คน - หลวงวิจิตรวาทการ

Rating:★★★★★
Category:Other




 


ฉันดีใจ เพราะเห็นว่า
บ้านเมืองของเรายังมีคนที่ดียิ่งกว่าฉัน
ไว้ใช้อีกถึง ๓๐๐ คน



 


                                                                      


 


ปาฐกถาเรื่อง
ความรัก
หลวงวิจิตรวาทการ แสดงในเครื่องกระจายเสียงวิทยุโทรศัพท์

ที่สถานีศาลาแดง
วันพุธที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๓



        มีเรื่องหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรักชาติอย่างแท้จริงนั้น คือ การยินดีสละผลประโยชน์ของตนเพื่อชาติ

        เราทราบอยู่แล้วว่า ประเทศกรีกในสมัยโบราณแบ่งออกเป็นหลายอาณาจักร์ และสปาร์ตาเป็นอาณาจักร์สำคัญอันหนึ่ง

        ชาวสปาร์ตาคนหนึ่งชื่อ เฟดาเรต เป็นคนมีความรู้สามารถมาก ถึงกับตัวเอง, ครอบครัวและคนเป็นอันมากเชื่อแน่ว่า ในการเลือกสมาชิกรัฐสภาคราวหน้า ฟาดาเรตจะต้องได้รับเลือกคนหนึ่งเป็นแน่นอน สมาชิกในรัฐสภาเวลานั้นมีสามร้อยคน 

        ถึงวันเลือกเฟดาเรตก็ไปสมัครเข้ารับเลือกและพยายามที่จะให้ตัวได้รับเลือกเป็นสมาชิกคนหนึ่ง และหวังอยู่ว่าจะได้รับเลือก เพราะเชื่อแน่ว่าไม่มีใครดีกว่าตัว

        พอเวลาเย็นเฟดาเรตกลับบ้าน แสดงอาการปลาบปลื้มดีใจอย่างที่สุด พอภรรยาเฟดาเรตแลเห็นก็นึกทันทีว่า เฟดาเรตได้รับเลือกเป็นสมาชิกในรัฐสภาแล้ว แต่ตรงกันข้าม เฟดาเรตบอกภรรยาว่าตัวไม่ได้รับเลือก และความจริงเฟดาเรตก็ไม่ได้รับเลือกจริง ๆ คนอื่น ๆ ได้รับเลือกเอาตำแหน่งไปเสียทั้งหมด ๓๐๐ ตำแหน่ง

        ภรรยาก็แปลกใจ ถามว่า ก็เมื่อไม่ได้รับเลือกแล้ว ทำไมจึงดีใจ

        เฟดาเรตตอบว่า
ฉันดีใจ เพราะเห็นว่าบ้านเมืองของเรายังมีคนที่ดียิ่งกว่าฉันไว้ใช้อีกถึง ๓๐๐ คน


 


 


ที่มา ตัดตอนจาก
หนังสือเรื่อง
ความรัก และ ผู้หญิง
ของอำมาตย์โท หลวงวิจิตรวาทการ
พิมพ์แจกในงานศพบุญเรือน อเนกบุณย์
วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๕



หมายเหตุ ๑ *
ขอบพระคุณ ลุงแมวใจดี
http://prapass.multiply.com/
ที่ส่งหนังสือเรื่อง ความรัก
มาให้อ่านค่ะ

หมายเหตุ ๒ **
- ตัวสะกดที่คัดลอกมาคงไว้ตามต้นฉบับเดิมทุกประการ

- ปรับแก้เฉพาะวรรคตอนบางแห่ง และย่อหน้าเพิ่มเติม
เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น


 


 


 

ความรักคืออะไร และเพียงไหนจึงจะเรียกว่าความรัก - หลวงวิจิตรวาทการ

Rating:★★★★★
Category:Other

 


 


ปาฐกถาเรื่อง
ความรัก
หลวงวิจิตรวาทการ แสดงในเครื่องกระจายเสียงวิทยุโทรศัพท์
ที่สถานีศาลาแดง
วันพุธที่ ๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๓


 


 


        ในบรรดาคำอธิบายเรื่องรักนั้น ข้าพเจ้ายังไม่ได้พบคำอธิบายของใคร ดีเท่าของเดส์การ์ดส์ (Descartes) นักปราชญ์ฝรั่งเศส ซึ่งวางหลักไว้อย่างแจ่มแจ้งว่า ความรักนั้นคืออะไร และเพียงไหน จึงจะเรียกว่าความรัก.

        เดส์การ์ดส์วางหลักไว้ว่า การที่เราชอบใครคนหนึ่ง เรายังไม่ควรจะใช้คำว่า
รัก ทันที เพราะยังมีอีกหลายขั้นกว่าจะถึงความรัก และที่เราจะรู้ว่าขั้นไหนจึงจะถึงเขตต์ความรักนั้น เราจะต้องเทียบดูกับตัวของเราเอง

        สมมตว่า
เราชอบคน ๆ หนึ่ง แต่เรายังชอบน้อยกว่าตัวของเรา เรายินดีจะทำประโยชน์แก่คนนั้น แต่เราไม่ยอมให้เสียประโยชน์ของเรา ดังนี้ยังไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงแต่ความชอบพอ ซึ่งนับว่าเป็นขั้นต้นและเป็นขั้นต่ำที่สุด

        คราวนี้สมมตว่า
เราชอบคน ๆ หนึ่ง เราชอบเท่ากับตัวของเราเอง เรายินดีให้ความสุขแก่คน ๆ นั้นเท่ากับที่เราให้แก่ตัวเราเอง เรายินดีรักษาผลประโยชน์ของคน ๆ นั้นเท่ากับผลประโยชน์ของเราเองดังนี้ ก็ยังไม่ใช่ความรัก เป็นแต่เพียงความเป็นมิตร์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มิตรภาพ ซึ่งอังกฤษเรียกว่า “Friendship” และฝรั่งเศสเรียกว่า “Amitie” นับเป็นขั้นที่สองซึ่งสูงขึ้นมาหน่อย

        คราวนี้สมมตว่า
เราชอบใครคนหนึ่งซึ่งเราชอบเสียยิ่งกว่าตัวเราเอง เรายินดีสละประโยชน์ส่วนตัวเราเพื่อประโยชน์แก่คน ๆ นั้น เรายินดีรับทุกข์เสียเองเพื่อให้คน ๆ นั้นได้รับความสุข เรายินดีสละชีวิตของเราเองเพื่อความเป็นอยู่ของคน ๆ นั้น รวมใจความว่า เราชอบคน ๆ นั้นมากกว่าตัวของเราเอง เช่นนี้แหละ จึงจะเรียกว่า รัก


 


รวมใจความว่า
การที่เราชอบใครคนหนึ่ง
ถึงกับเราชอบมากกว่าตัวของเราเอง
จึงจะเรียกว่ารักได้
ถ้าเรายังชอบน้อยกว่าตัวของเรา
หรือเท่ากับตัวของเรา
จะเรียกว่ารักไม่ได้เลย.


 


        ใครที่ร้องว่ารักชาติ ถ้ายังไม่พร้อมที่จะสละสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมทั้งชีวิตของตัวให้แก่ชาติได้แล้ว จะเรียกว่ารักชาติไม่ได้เลยเป็นอันขาด.


 




ที่มา ตัดตอนจาก
หนังสือเรื่อง
ความรัก และ ผู้หญิงของอำมาตย์โท หลวงวิจิตรวาทการ
พิมพ์แจกในงานศพบุญเรือน อเนกบุณย์
วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๕


 


 


 


หมายเหตุ ๑ *
ขอบพระคุณ ลุงแมว ใจดี

http://prapass.multiply.com/
ส่งเรื่อง
ความรัก นี้มาให้อ่านค่ะ
(เป็นปีแล้ว เพิ่งจะได้อ่านเมื่อคืน)

หมายเหตุ ๒
**
ตัวสะกดที่คัดลอกมาคงไว้ตามต้นฉบับเดิมทุกประการ
ปรับแก้เฉพาะวรรคตอนบางแห่ง
และย่อหน้าเพิ่มเติม เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น

หมายเหตุ ๓
***
หวังว่า
ผู้ที่หัวใจกำลังแห้งแล้ง
ความรัก
ผู้ที่ไม่เข้าใจใน
ความรักที่แท้จริง
และผู้ที่เข้าใจใน
ความรัก ที่แท้จริง
จะได้เข้ามาอ่าน


หมายเหตุ ๔ ****
ลองรักผู้อื่นให้มาก ๆ
ลองเป็น
ผู้ให้ แทนการเป็น ผู้รับ
แล้วจะรู้ว่า
ความรักที่ใคร ๆ ก็ร่ำหานั้น แท้จริงอยู่ที่ไหน
และความรักที่แท้จริง เป็นอย่างไร



 


เราชอบคน ๆ หนึ่ง
แต่เรายังชอบน้อยกว่าตัวของเรา
เรายินดีจะทำประโยชน์แก่คนนั้น
แต่เราไม่ยอมให้เสียประโยชน์ของเรา
ดังนี้ยังไม่ใช่ความรัก


 


 


วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

"ข้าวสารเอเอสทีวี...แม่เอ๊ย ย ย ย ย" ช่วยซื้อหน่อยจ้า

Rating:★★★★★
Category:Other

 


“สนธิ” เสนอแนวคิด
จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค
หาทุนต่อสู้ระยะยาว
ประเดิม
“ข้าวสารเอเอสทีวี”

              



       วันนี้ (๑๘ ส.ค.) เมื่อเวลา ๒๑.๓๐ น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนในภาคตะวันออกที่ไปให้กำลังใจหลายร้อยคนขณะเดินทางไปขึ้นศาลที่จังหวัดระยองเมื่อตอนบ่าย
      
       จากนั้น นายสนธิซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเอเอสทีวี ได้กล่าวถึงกรณีที่  พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อีกคนที่รับรู้ถึงความยากลำบากของเอเอสทีวีที่มีปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่าย เนื่องจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ถูกกดันไม่ให้มาลงโฆษณาแม้ว่าจะมียอดผู้ชมที่เพิ่มขึ้นก็ตาม และได้ขอรับความช่วยเหลือจากพี่น้อง เพื่อให้เอเอสทีวีได้คงอยู่เพื่อได้นำเสนอความจริงกับพี่น้องประชาชนต่อไปนั้น นายสนธิกล่าวว่า ที่จริงไม่อยากจะพูดเรื่องส่วนตัวมากนัก แต่เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด และที่สำคัญ ก็คือ เวลานี้เอเอสทีวีก็เป็นของพี่น้องประชาชนไปแล้ว เพราะในช่วงระยะที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม ค่าใช้จ่ายของเอเอสทีวีมาจากเงินบริจาคของพี่น้องประชาชนแทบทั้งสิ้น
      
       นายสนธิได้กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้หวังดีได้เสนอทางช่วยเหลือกันหลายรูปแบบ แต่อยากเสนอเป็นความเห็นให้ช่วยกันคิดดู นั่นคือ การแก้ปัญหาการหารายได้ระยะยาวด้วยการจำหน่ายข้าวสารติดตรา "เอเอสทีวี" ด้วยความคิดง่าย ๆ คือ ทุกคนต้องกินข้าว โดยวิธีการจะรับซื้อข้าวจากชาวนา แล้วจ้างโรงสีสีข้าว และบรรจุถุงโดยไม่มีคนกลาง ขณะที่มีการวางจำหน่ายตามร้านค้าโชห่วยหรือตามห้างร้านทั่วไปที่สนับสนุน โดยมีการจ่ายเปอร์เซ็นต์ตามปกติ
      
       นายสนธิกล่าวว่า ถ้าพี่น้องที่ดูเอเอสทีวีจำนวนอย่างน้อย ๑-๒ แสนครอบครัว ช่วยกันอุดหนุนข้าวสารเอเอสทีวีอย่างน้อยครอบครัวละ ๕-๑๐ กิโลกรัม เชื่อว่าจะมีเงินเหลือมาดำเนินการได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ในอนาคตเราก็ไม่ต้องพึ่งโฆษณา ไม่ต้องง้อใคร และจะเป็นสถานีแรกที่ทำแบบนี้ (ทั้งนี้ นายสนธิได้ขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนด้วยการส่งเสียงและปรบมือ ปรากฏว่าได้รับเสียงสนับสนุนดังกึกก้อง)
      
       “เราไปซื้อข้าวจากชาวนาให้ราคาสูง เพราะไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ลำบาก และยังเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว” นายสนธิระบุ และว่า แม้ว่ารัฐบาลหอกหักชุดนี้ได้พ้นไปแล้วก็ต้องมีเอเอสทีวีอยู่คู่กับสังคมไทย เพื่อผลักดันการเมืองใหม่ต่อไป
      
       “ต่อไปเราจะเป็นอิสระยิ่งขึ้นไปอีก เราจะบอกได้ทุกอย่างว่าสิ่งไหนดีเลว ทุกอย่างตั้งแต่นักการเมืองไปจนถึงสินค้าว่าอย่างไหนดีไม่ดี” นายสนธิย้ำและว่า พี่น้องจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสื่อเสรีที่ดีที่สุด และรับใช้สังคม รับใช้ชาติอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์สินค้าก็เป็นตัวพิสูจน์ ถ้าผิดอุดมการณ์ สินค้าไม่มีคุณภาพ ก็ไม่ต้องไปอุดหนุน




ที่มา
“สนธิ” ย้ำนัดหน้าสถานทูตอังกฤษ-ทวงคนโกงชาติกลับไทย
โดย...ผู้จัดการออนไลน์
๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ ๒๓:๒๕ น.
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000097721


 


 

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2551

โรงพักใจถึงติดประกาศจับ "แม้ว-อ้อ" หน้าโถส้วม !

Rating:★★★★★
Category:Other

 


โรงพักใจถึง
ติดประกาศจับ"แม้ว-อ้อ"หน้าโถส้วม ! 



โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์
๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ ๑๖:๕๓ น.


 



ประกาศสืบจับ"แม้ว-อ้อ" (ในสี่เหลี่ยม)
ในห้องน้ำเหนือโถปัสสาวะชาย ในสน.นางเลิ้ง


 


รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุ ไม่อยากต่อความยาวสามความยืดกับ ๓ เกลอหัวกลม ที่ออกมาปกป้องลูกพี่แม้วทางเอ็นบีที กล่าวหาตำรวจทำเกินกว่าเหตุ กรณีออกประกาศสืบจับ ชี้ประกาศก็คือประกาศ ไม่ใช่ประจาน ทุกโรงพักก็ทำกันทั่วไป มีประกาศก็ต้องให้ประชาชนรู้ว่านี่คือผู้ต้องหาตามหมายจับ ล่าสุด สน. นางเลิ้งสุดใจถึง ติดประกาศจับ "แม้ว-อ้อ" ในห้องน้ำ หน้าโถปัสสาวะชาย
      
       วันนี้ (๑๖ ส.ค.) พล.ต.ต. สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อคืนวานนี้ (๑๕ ส.ค.) โดยได้วิพากษ์วิจารณ์การออกประกาศสืบจับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในทำนองว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเลือกปฏิบัติ หรือทำกันเกินไปว่า
       
      
เรื่องดังกล่าวไม่อยากตอบโต้ เพราะจะเป็นการต่อความยาวสาวความยืด แต่อยากชี้แจงว่า การออกประกาศสืบจับของ ตร. เป็นขั้นตอนปกติ เป็นไปตามระเบียบ ซึ่งการออกประกาศสืบจับดังกล่าวเป็นเสมือนงานธุรการในการติดตามจับกุมตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับ โดยทันทีที่ ตร. ได้รับหมายจับมาจากศาล กองทะเบียนประวัติอาชญากร ก็จะทำการออกประกาศสืบจับ ส่งไปยังโรงพักทั่วประเทศ เพื่อให้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับดังกล่าว ขณะเดียวกันประกาศสืบจับฉบับเดียวกันนี้ จะถูกส่งไปยังด่าน ตม. ทั่วประเทศ หากพบตัวบุคคลตามประกาศผ่านเข้าออกก็จะได้จับกุมได้ทันที
      
       พล.ต.ต. สุรพล กล่าวยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือต้องการกลั่นแกล้ง เพื่อประจาน พ.ต.ท. ทักษิณ ให้ได้รับความอับอาย แต่เป็นการทำไปตามหน้าที่ปกติ และเป็นไปตามระบบที่มีอยู่ ในการนำตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะ พ.ต.ท. ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นบุคคลที่กระบวนการยุติธรรมต้องการตัว ซึ่งระบบคงไม่สามารถเลือกได้ว่าเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แล้วไม่ต้องถูกออกประกาศสืบจับ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าใครก็ตามเมื่อถูกศาลออกหมายจับ ก็จะถูกออกประกาศสืบจับทุกคน แต่สำหรับกรณีนี้ผู้ถูกออกประกาศเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี จึงมีคนให้ความสนใจมาก เป็นเรื่องธรรมดา นอกจากนี้ การออกประกาศสืบจับนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ความบริสุทธิ์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ลดน้อยลงไปแม้แต่น้อย แต่ก็ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะตัดสินว่ามีความผิด
      
       "กรณีนี้เป็นเพียงประกาศสืบจับตามปกติ ประกาศก็คือประกาศ ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุก็ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เป็นการประจาน และปกติโรงพักทุกโรงพักก็จะมีการติดประกาศจับผู้ต้องหาในลักษณะนี้อยู่แล้ว สมัยก่อนประกาศจับมันมีไม่มาก จึงติดตามโรงพักได้ แต่สมัยนี้มันมีมาก จึงไม่ติดกัน กรณี พ.ต.ท. ทักษิณก็เช่นกัน หากประชาชนสนใจ ก็สามารถไปขอดูประกาศดังกล่าวได้ทุกโรงพักทั่วประเทศ" พล.ต.ต. สุรพลกล่าว
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำว่า "ประกาศ" ในพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถานได้บัญญัติความหมายไว้ดังนี้ "ประกาศ
 ก.ป่าวร้อง, แจ้งให้ทราบ, เช่น ประกาศงานบุญงานกุศล. น. ข้อความที่แจ้งให้ทราบทั่วกัน เช่น ประกาศของวัด ประกาศของบริษัท; (กฏ) ข้อความที่ทางราชการแจ้งให้ประชาชนทราบหรือวางแนวทางให้ปฏิบัติ เช่น ประกาศพระบรมราชดองการ ประกาศกระทรวง ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี."
      
       ขณะเดียวกันที่ สน. นางเลิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในห้องน้ำของโรงพัก ได้มีการนำประกาศสืบจับ พ.ต.ท. ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ที่ถูกสื่อมวลชนนำไปตีแผ่ไปติดประกาศในห้องน้ำหน้าโถส้วมด้วย


 


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000096823


 


 

wanted : ประกาศจับ




 


wanted
(ตามคำขอของ "ลุงแมว" http://prapass.multiply.com/ ค่ะ)



 


ประกาศจับ


 


 


 


สองภาพนี้แถมจ้า



 


 


 


ภาพจาก
ผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด http://forum.serithai.net/
ขอบคุณค่ะ



 


 


 

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ฮาฮา...พบแม้ว-อ้อ ช็อปเสื้อผ้า ซื้อชุดใหม่ที่ลอนดอน

Rating:★★★
Category:Other

 


พบแม้ว-อ้อ
ช็อปเสื้อผ้า ซื้อชุดใหม่ที่ลอนดอน 
 


โดย ผู้จัดกวน
๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๑ ๑๙:๔๕ น.


 






       บ้านพระอาทิตย์ - ด่วน! เบื้องหลังเสี่ยแม้วหน้าเหลี่ยมระรื่นควงหญิงอ้อ พร้อมครอบครัวตะลุยชอปแหลกกลางกรุงลอนดอน เหตุเพราะไม่ชอบใจเสื้อตัวที่ใส่ติดตัวไปจากเมืองไทยนั่นเอง กระแสข่าวล่าสุดยืนยันอดีตผู้นำไทย โทร.สายด่วนสั่งยี้ห้อย ร้อยยี่สิบ เร่งหาโคตรหมอผีขะแมร์ไปแก้อาถรรพณ์สปอนเซอร์หลักของทีม 'แม้วซิตี้' เชื่อที่ต้องหนีคดีเพราะอาถรรพณ์ 'โทมัส คุก'
      
        นายบักแหลม บรรณาธิการบริหารผู้จัดกวน ซึ่งบินด่วนไปประเทศอังกฤษเพื่อลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเรื่อง 'ครึ่งควบลูก' และ 'ป-ป ขาว' ก่อนฤดูกาลแข่งขันพรีเมียร์ลีกจะเปิดการชิงชัย ได้รายงานด่วนให้กอง บก. ผู้จัดกวนทราบ ว่าขณะที่เขากำลังเดินหาซื้อรองเท้าหนังกลับยี่ห้อ Clarks อยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ของกรุงลอนดอนนั้น พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างของคนไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้วยความเป็นผู้มีนิสัยถ้ำมองในเรื่องสอดรู้สอดเห็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นายบักแหลมจึงทำตัวเป็นปาปาราซซีแฝงตัวตามกลุ่มบุคคลดังกล่าวไปอย่างกระชั้นชิด
      
        นายบักแหลมเล่าให้ฟังเป็นภาษาอังกฤษปนอีสานสารคามว่า เมื่อเพ่งมองอย่างถนัดถนี่เขาจึงเห็นว่ากลุ่มคนไทยเหล่านี้ประกอบไปด้วยเสี่ยแม้ว หญิงอ้อ น้องโอ๊ค หนูเอม และหนูอุ๊งอิ๊ง จากบ้านจันทร์ส่องกบ ย่านจรัญสนิทวงศ์ ๖๙ นั่นเอง ซึ่งทุกคนที่เอ่ยนามมา โดยเฉพาะเสี่ยแม้วกับคุณหญิงอ้อ ระหว่างทางที่เดินต่างก็ส่ายนัยน์ตามองหาเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้โชว์ของแบรนด์ดังประหนึ่งอยากเปลี่ยนเสื้อตัวที่ทั้งคู่ใส่แทบใจจะขาด ทำให้นายบักแหลมเกิดความสงสัยว่าเหตุไฉนไยเล่าสองผัวเมียจอมมุดหนีคดีคู่นี้จึงมีความกระเหี้ยนกระหือรือจะซื้อเสื้อตัวใหม่มาเปลี่ยนตัวเก่าให้ได้
      
        'ตอนแรกไอ้เราก็สงสัยว่าถึงอังกฤษยังไม่ทันไร ไหงกระเหี้ยนกระหือรือออกมาชอปปิ้งกันซะแล้ว ที่ไหนได้พอมองไปที่เสื้อซึ่งเสี่ยแม้วและคุณหญิงอ้อใส่จึงเข้าใจได้ทันที เสื้อทั้งสองตัวที่ติดตัวเสี่ยแม้วกับหญิงอ้อจากเมืองไทยไปถึงเมืองจีนและต่อมายังอังกฤษหนนี้เป็นเสื้อลายทางที่สองสามีภรรยาซื้อหามาจากผลิตภัณฑ์ ๑ คุก ๑ ตะราง โดยช่างมือวางอันดับหนึ่งของคลองเปรม มองปราดเดียวเหมือนเสื้อรักบี้ มองซ้ำอีกทีคล้าย ๆ เสื้อที่วัยรุ่นเด็กแนวชอบใส่ แต่ถ้ามองให้ถึงแก่นแท้ แหม...ผมว่าก็สมควรแล้วที่เสี่ยกับเมียแกอยากจะเปลี่ยนใจจะขาด ขนาดผู้ดีอังกฤษเห็นยังชี้มือและหัวเราะกลิ้งกันเป็นแถว เล่นเอาเสี่ยแกอารมณ์เสีย บ่นฟักแม้ว...ฟักแม้ว อาหารโปรดของหญิงอ้อตลอดทาง ๕๕๕ บักแหลมบรรยาย
      
        ฝ่ายนายยอด หรือ 'เงา' หัวหน้าข่าวผู้จัดกวน ถามว่าน้องโอ๊ค เอมและอุ๊งอิ๊งคิดเห็นอย่างไรต่อเสื้อที่บิดามารดาสวมติดตัวไปจากเมืองไทย นายแหลมตอบว่า ลูกที่มีความฉลาดน้อยทั้งสามคนตอนแรกไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยแม้วกับหญิงอ้อจึงใส่เสื้อลายแปลก ๆ กระทั่งเสี่ยแม้วผู้เป็นบิดาอธิบายให้ฟังว่า ด้วยความรีบร้อนตอนมาจากเมืองไทยเลยไม่ทันสังเกตว่าหยิบเสื้อตัวไหนใส่มา กว่าจะรู้ว่าเป็นเสื้อลายพิกลก็ใส่จนติดตัวมาถึงอังกฤษ แต่ก็คิดว่าน่าจะหาซื้อตัวใหม่เปลี่ยนได้ในเร็ว ๆ นี้
      
        มีรายงานข่าวแจ้งว่า เสี่ยแม้วได้โทรศัพท์สายตรงมายังนายยี้ห้อย ร้อยยี่สิบ กำชับให้จัดส่งหมอผีขะแมร์ที่ขมังเวทย์ที่สุด จากนั้นแพกใส่กล่องผงซักฟอกส่งไปที่เซฟเฮาส์ของเขาที่กรุงลอนดอนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเสี่ยแม้วเชื่อว่าสาเหตุที่ดลใจให้เขาและภรรยาใส่เสื้อลายไม่เป็นมงคลจากเมืองไทยไปจนถึงอังกฤษเป็นอิทธิฤทธิ์อาถรรพณ์ของผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของทีมฟุตบอล 'แม้วซิตี้' คือ 'โทมัส คุก' นั่นเอง ดังนั้นจึงอยากให้หมอผีขะแมร์ช่วยแก้เคล็ดให้เป็นการด่วน
      
        'ข่าวนี้ผมว่าอย่านิ่งดูดาย ขอเตือนให้ตำรวจและกรมศิลป์ รวมทั้งนักโบราณคดีตรวจตราโบราณสถานสำคัญ ๆ ให้ถี่ขึ้น ไม่เช่นนั้นอาจมีแก๊งของยี้ห้อยลอบเข้าไปทำอะไรที่ไม่สมควรเพื่อล้างอาถรรพณ์ให้เจ้านายหน้าเหลี่ยมเรื่องชื่อของสปอนเซอร์ โทมัส คุก ที่เสี่ยแม้วไม่ชอบตั้งแต่ได้ยินแล้ว' นายบักแหลมทำเสียงเข้มแบบผู้ดีอังกฤษ


















ทีมงานผู้จัดกวน...ขอยืนยัน-นั่งยัน-นอนยัน ว่าเนื้อหาทั้งหมดภายในหมวดเป็นเรื่องสมมติขึ้นทั้งสิ้น หากชื่อหรือสถานการณ์ใด ๆ ไปพ้องกับใครเข้า เราจะไม่ยอมรับผิดชอบอย่างเด็ดขาด



 


 


ที่มา
http://www.manager.co.th/Pjkkuan/ViewNews.aspx?NewsID=9510000095717&#Comment





 

บ ท ก วี . . . เพียงเพื่อให้ (บทกวีร้อยบาท)

 


 


                        เรือลำน้อยของฉันไม่หวั่นไหว

                ฝ่าฟันไปอย่างอดทนจนฟ้าสาง

                เห็นแสงทองส่องฟ้าอยู่รางราง

                ความเคว้งคว้างค่อยคลายเลือนหายไป

                        หากฉันถึงที่หมายในวันหนึ่ง

                หรือไปถึงปลายทางที่วางไว้

                จะปันแรงแบ่งหวังกำลังใจ

                เพียงเพื่อให้คนท้อได้ต่อทาง

 

 



 

 

เพียงเพื่อให้


คุณ 9comeback
...ร้อยภาพ

คุณหวานเจี๊ยบ...ร้อยคำ

 

 

 

 

 

                                เรือลำน้อยล่องลอยในลำน้ำ

                        ทุกคืนค่ำมาเยือนเหมือนก่อนเก่า

                        มีดวงเดือนดวงดาวราวกับเงา

                        เป็นเพื่อนเราเรื่อยไปในสายธาร

                ไม่มีคนคอยสร้างกำลังใจ

        ไม่มีใครสักคนบนทางผ่าน

        อุปสรรคหลากหลายได้พบพาน

        จากวันวานถึงวันนี้จึงมีพลัง

                                ฉันจะสร้างกำลังใจให้แข็งแกร่ง

                        รวมเรี่ยวแรงให้ดีอย่างมีหวัง

                        จะต่อสู้ทุกสิ่งอย่างจริงจัง

                        เพราะฉันยังอยากถึงซึ่งปลายทาง

                เรือลำน้อยของฉันไม่หวั่นไหว

        ฝ่าฟันไปอย่างอดทนจนฟ้าสาง

        เห็นแสงทองส่องฟ้าอยู่รางราง

        ความเคว้งคว้างค่อยคลายเลือนหายไป

                                หากฉันถึงที่หมายในวันหนึ่ง

                        หรือไปถึงปลายทางที่วางไว้

                        จะปันแรงแบ่งหวังกำลังใจ

                        เพียงเพื่อให้คนท้อได้ต่อทาง



 


ภาพเรือสวย ๆ จาก...
http://9comeback.multiply.com/
ขอบคุณ..."คุณ 9comeback" ที่ใจดีให้ยืมภาพค่ะ




 



บทกวีร้อยบาท


       
ฉันเป็นคนชอบอ่านชอบขีดเขียนมาแต่เด็ก จำได้ว่าพ่อหัดให้ฉันต่อกลอนกับพ่อมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมต้น

        ครั้งนั้นฉันก็ออกกลอนสะเปะสะปะไม่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์นัก เพียงแค่ให้มีสัมผัสคล้องจองง่าย ๆ ไปก่อน
จนได้เรียนฉันทลักษณ์กาพย์กลอนในโรงเรียนนั่นแหละ ฉันจึงเริ่มเขียนได้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์กับเขา

       
แล้วฉันก็เริ่มฮึกเหิม หัดเขียนบทกวีส่งไปลงหนังสือ


       
เพียงเพื่อให้ ชิ้นนี้ เป็นบทกวีชิ้นแรกของฉันที่เขียนส่งไปลงคอลัมน์บทกวีในนิตยสาร สกุลไทยฉันเขียนไว้ตั้งแต่ช่วงเรียนจบมัธยมปลาย แต่ส่งไปตอนเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

        ฉันรอคอยอยู่นานจนลืม แล้ววันหนึ่งก็ได้รับจดหมายจากสกุลไทยแจ้งมาว่า บทกวีของฉันได้รับคัดเลือกลงตีพิมพ์ พร้อมธนาณัติ ๑๐๐ บาท


       
แม้จะเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก แต่ฉันก็ตื่นเต้น ยิ้มกริ่ม ลูบ ๆ คลำ ๆ จดหมายและธนาณัติอยู่หลายวัน กว่าจะให้แม่ช่วยนำไปขึ้นเงินให้

       
ฉันไม่ได้ติดใจกับเงินที่ได้รับมากไปกว่าชื่นใจกับ ฝันแรก ในบรรณพิภพที่เป็นจริงของฉัน

       
บทกวีร้อยบาท

       
จุดเริ่มต้นแห่งความฝันต่อ ๆ ไปของฉัน และเป็นกำลังใจ ให้ฉันเดินทางไปตามเส้นทางความฝันของฉัน 

        แม้จะสมฝันบ้าง ไม่สมฝันบ้าง


       
ถึงวันนี้ ฉันอยากแบ่งปันความหวังและกำลังใจที่ฉันมีอยู่ ให้ทุกคนที่กำลังทดท้อได้มีกำลังใจต่อสู้ฝ่าฟันกับปัญหา อุปสรรคในชีวิต และไปถึงปลายทางแห่งความฝันกันทุกคน

        เพียงเพื่อเมื่อไปถึงปลายทางแห่งฝันแล้ว เราจะได้แบ่งปันความหวังและกำลังใจให้แก่ผู้อื่นต่อไป