วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551

โทษประหารชีวิต ๒๑ สถาน ในสมัยโบราณ

Rating:★★★
Category:Other





 


 


 


 



โทษประหารชีวิต ๒๑ สถาน


ในสมัยโบราณ




           
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา อาณาจักรที่รุ่งเรืองที่สุดอีกยุคสมัยหนึ่งของไทย เราพบว่ามีการตราบทลงโทษขั้นรุนแรงที่สุดคือโทษประหารชีวิตเอาไว้ในพระไอยการกระบถศึก ซึ่งเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่สอง และมีการแก้ไขเพิ่มเติมในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก่อนจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้งในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่กฎหมายฉบับนี้ มิได้มีการแก้ไขในบทลงโทษความผิดขั้นประหารชีวิตและวิธีการประหารชีวิตเลยแม้แต่น้อย คือยังคงลักษณะเดิมไว้แต่ครั้งการตราขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่สองทุกประการ


            วิธีการประหารชีวิตตามพระไอยการกระบถศึกบันทึกและอธิบายเอาไว้อย่างละเอียดถึงวิธีการลงโทษประหารยี่สิบเอ็ดวิธี หรือยี่สิบเอ็ดสถาน ดังนี้


 

            สถาน ๑  คือ ให้ต่อยกระบานศีศะ (กบาลศีรษะ) เลิกออก (เปิดออก) เสีย แล้วเอาคีมคีบก้อนเหล็กแดงใหญ่ใส่ลงไปในมันสะหมอง (มันสมอง) ศีศะพลุ่งฟู่ขึ้นดั่งม่อ (หม้อ) เคี่ยวน้ำส้มพะอูม



            สถาน ๒  คือ ให้ตัดแต่หนังจำระ (จาก) เบื้องหน้าถึงไพรปากเบื้องบนทั้งสองข้างเป็นกำหนด ถึงหมวกหู (ใบหู) ทั้งสองข้างเป็นกำหนด ถึงเกลียวคอชายผมเบื้องหลังเป็นกำหนด (หนังบริเวณคอถึงท้ายทอย) แล้วให้มุ่นกระหมวดผมเข้าทั้งสิ้น (ม้วนเข้าหากัน) เอาท่อนไม้สอดเข้าข้างละคน โยกคลอนสั่นเพิกหนังทั้งผมนั้นออกเสียแล้วเอากรวดทรายหยาบขัดกระบานศีศะชำระให้ขาวเหมือนพรรณศรีสังข์



            สถาน ๓  คือ ให้เอาขอเกี่ยวปากให้อ้าไว้ แล้ให้ตามประทีบ (ดวงไฟ) ไว้ในปาก ไนยหนึ่ง (นัยหนึ่ง) เอาปากสิวอันคมนั้นแสะแหวะผ่าปากจนหมวกหู (ใบหู) ทั้งสองข้าง แล้วเอาขอเกี่ยวให้อ้าปากไว้ให้โลหิตไหลออกเต็มปาก



            สถาน ๔  คือ เอาผ้าชุบน้ำมันพันให้ทั่วร่างกายแล้วเอาเพลิงจุด



            สถาน ๕  คือ เอาผ้าชุบน้ำมันพันนิ้วทั้งสิบนิ้วแล้วเอาเพลิงจุด



            สถาน ๖  คือ เชือดเนื้อให้เป็นแรงเป็นริ้วอย่าให้ขาดจากกัน ตั้งแต่ใต้คอลงไปถึงข้อเท้าแล้วเอาเชือกผูกจำ ให้เดินเหยียบริ้วเนื้อริ้วหนังแห่งตน ให้ฉุดคร่าตีจำให้เดินไปกว่าจะตาย



            สถาน ๗  คือ เชือดเนื้อให้เนื่องด้วยหนังเป็นแร่งเป็นริ้ว ตั้งแต่ใต้คอลงมาถึงเอว และให้เชือดตั้งแต่เอวให้เนื่องด้วยหนังเป็นแร้งเป็นริ้วลงมาถึงข้อเท้า กระทำหนังเบื้องบนให้คลุมลงมาเหมือนนุ่งผ้า



            สถาน ๘  คือ ให้เอาห่วงเหล็กสวมข้อศอกทั้งสองข้าง ข้อเข่าทั้งสองข้างให้มั่น แล้วเอาหลักสอดในวงเหล็กแย่งขึงตรึงลงไว้กับแผ่นดินอย่าให้ไหวตัวได้ แล้วเอาเพลิงรน (ลน) ให้รอบตัวจนกว่าจะตาย



            สถาน ๙  คือ ให้เอาเบ็ดใหญ่ที่มีคมสองข้างเกี่ยวทั่วร่างเพิก (เปิด) หนังเนื้อและเอ็นน้อยใหญ่ให้หลุดขาดออกมาจนกว่าจะตาย



            สถาน ๑๐  คือ ให้เอามีดที่คมเชือดเนื้อให้ตกออกจากกายแต่ทีละตำลึง (นำเนื้อมาชั่งให้ได้น้ำหนักหนึ่งตำลึง : มาตราวัดสมัยโบราณ) จนกว่าจะสิ้นมังสา (เนื้อ)



            สถาน ๑๑  คือ ให้แล่สับทั่วร่าง แล้วเอาแปรงหวีชุบน้ำแสบกรีดครูดขูดเสาะหนังและเนื้อแลเอ็นน้อยใหญ่ให้ลอกออกให้สิ้น ให้อยู่แต่ร่างกระดูก



            สถาน ๑๒  คือ ให้นอนลงโดยข้าง ๆ หนึ่ง แล้วให้เอาหลาวเหล็กตอกลงไปโดยช่องหูให้แน่นกับแผ่นดิน แล้วจับขาทั้งสองข้างหมุนเวียนไปดังบุคคลทำบังเวียน (เวียนเทียน)



            สถาน ๑๓  คือ ทำมิให้หนังพังหนังขาด แล้วเอาลูกสีลา (ลูกหิน) บดทุกกระดูกให้แหลกย่อย แล้วรวบผมเข้าทั้งสิ้น ยกขึ้นหย่อนลงกระทำให้เนื้อเป็นกองเป็นลอม แล้วพับห่อเนื้อหนังกับทั้งกระดูกนั้นทอดวางไว้ดั่งตั่งอันทำด้วยฟางซึ่งเอาไว้เช็ดเท้า



            สถาน ๑๔  คือ ให้เคี่ยวน้ำมันให้เดือดพลุ่งพล่าน แล้วลาดสาดลงมาแต่ศีศะ (ศีรษะ) จนกว่าจะตาย



            สถาน ๑๕  คือ ให้กักขังสุนัขร้ายทั้งหลายไว้ อดอาหารหลายวันให้เต็มอยาก แล้วปล่อยให้กัดทึ้งเนื้อหนังกินให้เหลือแต่ร่างกระดูกเปล่า



            สถาน ๑๖  คือ ให้เอาขวานผ่าอกทั้งเป็นแหกออกดั่งโครงเนื้อ



            สถาน ๑๗  คือ ให้แทงด้วยหอกทีละน้อย ๆ จนกว่าจะตาย



            สถาน ๑๘  คือ ให้ขุดหลุมฝังเพียงเอว แล้วเอาฟางปกลงคลุมร่างก่อนคลอกด้วยเพลิงพอหนังไหม้ แล้วไถด้วยไถเหล็กให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่เป็นริ้วน้อยริ้วใหญ่



            สถาน ๑๙  คือ ให้เชือดเนื้อล่ำออกทอดด้วยน้ำมัน เหมือนทอดขนม ให้กินเนื้อตัวเองจนกว่าจะตาย



            สถาน ๒๐  คือ ให้ตีด้วยตะบองสั้นตะบองยาวจนกว่าจะตาย



            สถาน ๒๑  คือ ตีด้วยหวายที่มีหนามจนกว่าจะตาย


 








          ในปี พ.ศ. ๒๔๕๔, หนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งเศสฉบับหนึ่ง ได้ลงเรื่องการประหารชีวิตโดยการตัดศีรษะในประเทศสยาม ซึ่งขณะนั้นเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงประเทศไทย มีการบรรยายภาพว่า 

          “Une Execuction Capitale Au Siam” 
          ภาพโดย (copyright) ริชาร์ด เอส เอริคช์ 

          ภาพวาดแสดงถึงให้เห็นถึงการลงโทษในประเทศไทย ตามคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ ให้ได้รับการทรมาน และถูกประหารชีวิตในที่สุด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในศตวรรษที่ ๑๕


 




 



ที่มา :


- วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


  http://th.wikipedia.org/wiki/โทษประหารชีวิต


- http://www.buildboard.com/viewtopic.php/1161/10521/13576/0/


- http://www.pattayadailynews.com/thai/showfeature.php?FeatureID=0000000474


 


 


 


 


18 ความคิดเห็น:

  1. แวะมาดูความโหดคับ โชคดีที่เกิดไม่ทัน

    ตอบลบ
  2. รู้ได้ไงคะว่า "เกิดไม่ทัน"
    ไม่แน่นา...เหอเหอ

    ตอบลบ

  3. เนาะ...เนาะ...โหดจริง ๆ
    คนแปะแปะไปก็หยอง ๆ ไป
    แต่ก็ชอบอ่านนะคะ

    ตอบลบ
  4. แล้วโทษโจรไปบุกเพื่อนบ้านอ่ะ

    ตอบลบ
  5. สงสัยต้องเพิ่ม สถาน ๒๒ หงะ
    แต่รอลงอาญาก่อนละกันเนาะ
    คนไทยใจดี เมืองไทยเมืองพุทธ...เนาะ...เนาะ...

    ตอบลบ
  6. ซะหน่อยน๊า คนไทยใจดีเลยเขียนกฎหมายใหม่ให้พ้นโทษป่าวอ่ะ แฮ่ๆๆ มีฝ่ายตรวจสอบอยู่แถวนี้ป่าวหว่า

    ตอบลบ
  7. "รอลงอาญา" ม่าช่าย "นิรโทษกรรม" นา
    "นิรโทษกรรม" ดูหน้าด้านไปปะ...หุหุ
    เรามะช่ายฝ่ายตรวจสอบ เราเป็น "ยาม" จ้า....อะคริอะคริ

    ตอบลบ
  8. สถานที่ 10 เหมาะที่สุด โกงไปกี่บาท เอามาชั่งแล้วเฉือนเนื้อออกในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากับน้ำหนักเงินชาติที่โกงไป...เหมาะกับแม้วมากมาก เสนอนายกเข้า ครม ด่วนที่สุด

    ตอบลบ
  9. ห้า ห้า ห้า !!!!!!!
    กร๊าก กร๊าก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก ก !!!!!!

    โหดจังขะ "ลุงแม้ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว"
    เฉือนเนื้อหมดตัวก็ได้น้ำหนักไม่ถึงหรอกขะ

    อ้อ..."ลุงแมว" แสดงความคิดเห็นได้ล่อแหลมเข้าเป้า ("เป้าที่มองไม่เห็น") มากขะ
    เดี๋ย...เดี๋ย...ประดาสาวกได้เข้ามาด่าอิช้าน "จังไร" อีกแหง ๆ

    ตอบลบ
  10. ให้มันสาสมแก่โทษฑัณฑ์ที่มันได้ก่อ แล ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเป็นเสี้ยนหนามแก่บ้านแก่เมืองต่อไป..

    ตอบลบ
  11. กราว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว ว

    เสียงปรบมือกรูเกรียวจ้า

    ตอบลบ
  12. น่าสงสารคนที่เป็นเพชฌฆาตด้วยนะคะ คงเป็นประเภทโรคจิต

    ตอบลบ
  13. โทษ หนัก ดีนะครับพี่
    ออกจะโหดไปนิด

    ตอบลบ
  14. น่านสิ
    ไม่รู้ "ป้าหวานฯ" เคยเป็นเพชฌฆาตป่าวเนาะ
    โรคจิตด้วยหงะ

    ตอบลบ
  15. น่านสิ
    แต่ไม่รู้ "ป้าหวานฯ" เคยเป็นเพชฌฆาตป่าวเนาะ
    โรคจิตด้วยหงะ

    ตอบลบ