Rating: | ★★★★★ |
Category: | Books |
Genre: | History |
Author: | พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ |
ที่จะมีผู้ที่เห็นวันสงกรานต์ไม่เป็นวันดี
แต่ถ้าผู้อ่านมองเห็นเจตนารมณ์
ของหลวงวิจิตรวาทการ
ซึ่งมีความรักชาติอย่างแรงกล้าแล้ว
ท่านก็คงจะเข้าใจ
และให้อภัยในถ้อยคำที่ท่านจะได้อ่านต่อไป"
วันสงกรานต์
โดย...พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ
วิจิตรา รังสิยานนท์...เรียบเรียง
หลวงวิจิตรวาทการได้เขียนอธิบายเรื่อง วันสงกรานต์ ไว้ในนวนิยายเรื่อง ‘กรุงแตก’ และ ‘ฟากฟ้าสาละวิน’ เป็นมุมมองที่ผิดไปจากความเข้าใจทั่วไป แต่เป็นคำตอบที่เกี่ยวกับที่มาของวันสงกรานต์ที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นการมองวันสงกรานต์ในแง่ที่ค่อนข้างลบ ซึ่งดูไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีผู้ที่เห็นวันสงกรานต์ไม่เป็นวันดี แต่ถ้าผู้อ่านมองเห็นเจตนารมณ์ของหลวงวิจิตรวาทการ ซึ่งมีความรักชาติอย่างแรงกล้าแล้ว ท่านก็คงจะเข้าใจ และให้อภัยในถ้อยคำที่ท่านจะได้อ่านต่อไป
.............................
“วันสงกรานต์” ซึ่งเริ่มในเดือน ๕ นั้น เป็นวันสำคัญยิ่งสำหรับชาวพม่า เพราะเป็นปีใหม่ของเขา ปีใหม่ของเขาต้องเป็นต้นเดือน ๕ และวันสงกรานต์ต้องเป็นวันสำคัญที่สุด อันที่จริงต้นเดือน ๕ และวันสงกรานต์ หรือปีตามจุลศักราชนั้น ควรจะเป็นวันที่ระลึกของพม่าอย่างแท้จริง และเป็นงานชิ้นหนึ่งที่พม่าทำไว้ เป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะเหนือชนชาติอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือเหนือชนชาติไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อก่อน ๓๘๐ ปีมาแล้ว ไทยเราใช้พุทธศักราช หรือมหาศักราช และเริ่มปีใหม่ของเราในเดือนอ้าย ซึ่งเรานับเป็นเดือนที่ ๑ และตกในราวธันวาคม ครั้นเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๑๑๒ พม่าได้นำเอาจุลศักราชมาบังคับให้เราใช้ พร้อมกับการขึ้นปีใหม่ในต้นเดือน ๕ การให้วันสำคัญในวันสงกรานต์นั้น เป็นเครื่องหมายของความพ่ายแพ้ เพราะเราได้ตกเป็นทาสของพม่าอยู่ถึงสิบห้าปี แต่ไทยเราเป็นชาติที่ลืมง่าย และรับขนบธรรมเนียมของต่างชาติได้ง่าย วันที่เราถูกบังคับให้ใช้ เพราะเคยแพ้เขาและเป็นเมืองขึ้นเขา ได้กลับกลายมาเป็นวันสำคัญของเราเอง
“ต่อมาอีก ๒๐๐ ปี คือใน พ.ศ. ๒๓๑๐ พม่าก็ได้เตือนให้เราทราบอีกครั้งหนึ่ง ว่าวันสงกรานต์นั้นคือวันเคราะห์ร้ายพ่ายแพ้ของไทย เป็นวันแห่งความมีชัยของพม่า เมื่อกองทัพพม่ามาล้อมกรุงเป็นครั้งที่ ๒ ในสมัยของมังระ ราชโอรสของอะลองพญา ล้อมอยู่ตั้งปียังตีไม่ได้ เนเมียวสีหบดีแม่ทัพใหญ่ของพม่าได้เตรียมการทุกอย่างที่จะตีกรุงศรีอยุธยาให้ได้ในวันสงกรานต์ ซึ่งเขาถือเป็นวันโชคชัย ก่อนจะถึงวันนั้น พม่าได้ทำสะพาน ขุดอุโมงค์เข้ามาจนถึงเชิงกำแพงพระนครศรีอยุธยา ครั้นถึงวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ซึ่งเป็นวันเนาว์สงกรานต์ของปีนั้น เนเมียวสีหบดีก็ออกคำสั่งว่าต้องตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกในวันนี้ให้จงได้ เพราะเป็นวันสำคัญ เป็นวันฤกษ์งามยามดีของเขา
“พอบ่ายสามโมงวันนั้น พม่าก็จุดไฟสุมกำแพงเมือง พอเวลาพลบค่ำ กำแพงเมืองตอนที่ถูกไฟสุมนั้นก็ทรุดลง ในเวลาสองทุ่ม พม่าก็เข้าเมืองได้ และได้เปิดประตูรับทหารพม่าเข้าเมืองได้ทุกด้าน กรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พม่าเป็นครั้งที่ ๒
“ถ้าเป็นชนชาติอื่น เขาจะต้องถือวันสงกรานต์เป็นวันอัปมงคล เขาจะไม่นำวันนี้เป็นวันขัตฤกษ์ รื่นเริงสนุกสนานเล่นสาดน้ำ หรือทำอะไรกันอย่างที่เราทำ ตรงกันข้ามบางทีเขาจะถือเอาวันอย่างนี้ เป็นวันไว้ทุกข์ให้แก่ชาติ แต่ไทยเราลืมง่าย วันแพ้ วันอัปมงคล วันที่ตกเป็นทาส ก็ไม่เป็นไร เรายังถือเป็นวันสำคัญ นางสงกรานต์ยังมีชื่อไพเราะเพราะพริ้ง มีเครื่องแต่งกายที่สวยงาม ทัดดอกไม้ต่าง ๆ ประทับบนหลังสัตว์หลายชนิด นับถือบูชากันจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่มีชาติไหนที่จะใจดีเหมือนกับชาติไทยเรา”
.............................
หลวงวิจิตรวาทการได้ให้ข้อคิดแก่เราไว้ว่า ถ้าเราจะทำบุญในวันสงกรานต์ ก็ควรจะทำเผื่อแผ่ส่วนกุศลให้แก่ชาวไทยที่เสียชีวิตไปในการศึกครั้งกระโน้น แผ่ให้แต่เฉพาะพวกที่ตายไปด้วยความกล้าหาญ ด้วยความเสียสละ ด้วยความรักชาติบ้านเมือง มิใช่แผ่ให้แก่พวกที่หนีทัพ หรือพวกไม่ทำอะไร นอนรอเวลาตาย พวกที่มุ่งคอยแต่จะใช้ให้คนที่เขาเรียกว่า ‘พวกไพร่’ ไปตายแทนเขา หรือพวกที่ทำร้ายคนไทยกันเองเพื่อเอาใจศัตรูซึ่งเป็นผู้ชนะ คนพวกนี้เขามีบุญกุศลอยู่มากแล้ว ไม่ต้องไปแผ่ให้อีก
ท่านผู้อ่านคงจะได้สัมผัสกับความรู้สึกที่รุนแรงของหลวงวิจิตรวาทการที่มีต่อวันสงกรานต์ ด้วยเหตุผลที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ความรักชาติของหลวงวิจิตรวาทการมิได้จำกัดอยู่แต่ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงอดีตและอนาคตอีกด้วย ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยนั้น ท่านชื่นชมเคารพบูชาพระกษัตราธิราชเจ้า ที่ได้ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ เพื่อกู้ชาติให้เราได้มีแผ่นดินอาศัยอยู่ เช่นองค์สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือพระผู้ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เมืองไทยได้เป็นที่รู้จักไปไกลถึงยุโรป เช่นสมเด็จพระนารายณ์เป็นต้น และในขณะเดียวกัน ท่านก็เห็นว่า ผู้ที่ได้ทำความล่มสลายให้แก่แผ่นดินไทยนั้น ยากที่จะได้รับการให้อภัย เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของไทยเราก็ไม่ควรที่จะลืมง่าย แต่ควรถือเป็นบทเรียน เพื่อจดจำมิให้อดีตต้องซ้ำรอยได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากข้อเขียนเกี่ยวกับวันสงกรานต์นี้แล้ว หลวงวิจิตรวาทการก็มิได้แสดงการต่อต้านในทางอื่นใด ท่านใจกว้างพอที่จะมองเห็นคุณความดีของวันสงกรานต์ที่มีต่อจิตใจของคนทั่วไป รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันงดงาม ที่ชาวไทยถือปฏิบัติกันในวันขึ้นปีใหม่ ในครอบครัวของท่านเอง ลูก ๆ ก็ยังถูกสอนให้นำพวงมาลัย หรือผ้า ไปกราบคุณยายในวันสงกรานต์ เพื่อขอพรจากท่าน สิ่งเดียวที่ขัดตาขัดใจของหลวงวิจิตรวาทการ คือการละเล่นที่รื่นเริงเกินขอบเขตของชนรุ่นหลัง ท่านจึงอยากให้สำนึกเสียบ้างว่า ความสนุกสนานจนเกินเลยของเขาเหล่านั้น มีที่มาอย่างไร บางทีหากเขาได้ทราบความเป็นมาในอดีตของวันสงกรานต์ ก็อาจทำให้เขาเหล่านั้นเล่นสงกรานต์กันอย่างมีสติขึ้นก็ได้
.....................................................................................
จากหนังสือ...“ตามรอยความคิด จากนวนิยายของหลวงวิจิตรวาทการ”
เรื่อง...“วันสงกรานต์”
เรียบเรียงโดย...วิจิตรา (วิจิตรวาทการ) รังสิยานนท์
คัดลอกและพิมพ์โดย...“ง้วนดิน”
ที่มา : http://board.palungjit.com/showthread.php?t=75657
.....................................................................................
บรรณานุกรม
วิจิตรา รังสิยานนท์. “วันสงกรานต์”. ตามรอยความคิด จากนวนิยายของหลวงวิจิตรวาทการ. กรุงเทพฯ : บริษัทสร้างสรรค์บุ๊คส์ จำกัด, ๒๕๔๔.
"ถ้าเราจะทำบุญในวันสงกรานต์
ก็ควรจะทำเผื่อแผ่ส่วนกุศลให้แก่ชาวไทย
ที่เสียชีวิตไปในการศึกครั้งกระโน้น
แผ่ให้แต่เฉพาะพวกที่ตายไป
ด้วยความกล้าหาญ
ด้วยความเสียสละ
ด้วยความรักชาติบ้านเมือง
มิใช่
แผ่ให้แก่พวกที่หนีทัพ
หรือพวกไม่ทำอะไร นอนรอเวลาตาย
พวกที่มุ่งคอยแต่
จะใช้ให้คนที่เขาเรียกว่า ‘พวกไพร่’
ไปตายแทนเขา
หรือพวกที่ทำร้ายคนไทยกันเอง
เพื่อเอาใจศัตรูซึ่งเป็นผู้ชนะ
คนพวกนี้
เขามีบุญกุศลอยู่มากแล้ว
ไม่ต้องไปแผ่ให้อีก"
ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆครับ
ตอบลบขอบคุณท่านครูหลวงวิจิตรฯ
ตอบลบความรู้ใหม่ ไม่เคยรู้มาก่อน...ขอบคุณมากๆครับ
ตอบลบ
ตอบลบขอบคุณที่มาอุดหนุนค่า
ขอบคุณค่ะคุณน้องที่นำเรื่องเหล่านี้มาแบ่งปันกันอ่าน ให้มุมต่าง แง่คิดต่าง
ตอบลบหลายอย่างเราต่างก็สักแต่ทำตาม ๆ กันมา โดยไม่รู้ที่มาที่ไป
โอ้วววว....ความรู้ใหม่อีกแร้นนนน
ตอบลบว้า หมดสนุก เลยเรา......
ตอบลบ...แต่ว่าสงกรานต์ ปีนี้
ขอ ยกครอบครัว กลับไป กราบพ่อ กับแม่ นะพี่นะ
ปีที่แล้ว ก็ไม่ได้ไป
.....
ไปวัด เพื่ออุทิศ บุญกุศลให้กับ เครือญาติ ผู้ ล่วงลับ นะครับ
.....
ตอบลบอ่านแล้วพิจารณากันเอาเองนะคะคุณพี่
หายไปไหนมา "จูรู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"
ตอบลบ
ตอบลบสาธุ
อนุโมทนาจ้า
ต้อนรับวันสงกรานต์กับเกร็ดความรู้ใหม่ครับ ดีมากๆ
ตอบลบ่"ไทยเราเป็นชาติที่ลืมง่าย และรับขนบธรรมเนียมของต่างชาติได้ง่าย" จริงเหรอ????
ตอบลบผมนึกว่าเราให้อภัยง่ายเสียอีก ดูอย่างนักการเมืองซิ ขนาดถูกหักหลังบีบใ้ห้ออกจากร่วมรัฐบาล ยังกอดคอร่วมรัฐบาลใหม่ได้เลย
โครตชอบเลยอ่ะ เยี่ยม+1
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบ