
ภาพพุทธประวัติ
ตอนพระพุทธองค์เสด็จมาห้ามทัพ
พระญาติฝ่ายพระบิดาและพระมารดา
ย่อมเป็นคำตอบได้อย่างดี
กับผู้ที่ตั้งคำถามว่า
พระไม่ควรออกมายุ่งวุ่นวาย
กับการบ้านการเมือง ?
สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา
โดย ครูเหม เวชกร

ภาพที่ ๕๙
ทรงห้ามพระญาติฝ่ายพระบิดากับฝ่ายพระมารดา
ซึ่งแย่งกันทดน้ำเข้านามิให้วิวาทกัน
ภาพที่เห็นอยู่นั้น แสดงถึงเหตุการณ์ตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับเมืองพระญาติ แต่คราวนี้เสด็จมาลำพังพระองค์เดียว เสด็จมาเพื่อทรงระงับสงครามระหว่างพระญาติทั้งสองฝ่าย พระญาติฝ่ายหนึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพุทธบิดา ปกครองกรุงกบิลพัสดุ์ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพุทธมารดา ปกครองโกลิยนคร หรือเทวทหนครก็เรียก ทั้งสองฝ่ายตั้งบ้านเมืองอยู่คนละริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี แล้วเกิดพิพาทกันในปัญหาเรื่องน้ำที่ทดขึ้นทำนา เมื่อฝ่ายอยู่ทางเหนือน้ำทดน้ำจากแม่น้ำเข้านา ฝ่ายทางใต้ก็ขาดน้ำ ทั้งสองฝ่ายเปิดประชุมเพื่อตกลงกันก่อน แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดปะทะคารมกันอย่างรุนแรงถึงกับขุดบรรพบุรุษขึ้นมาประณามกัน
“ไอ้พวกสุนัขจิ้งจอกสมสู่กันเอง” ฝ่ายที่ถูกด่าว่าอย่างนี้ เพราะต้นสกุลหลายชั่วคนมาแล้วได้อภิเษกสมรสกันเองระหว่างพี่ชายกับน้องสาว
“ไอ้พวกขี้เรื้อน” ฝ่ายตรงกันข้ามที่ถูกด่าตอบอย่างนี้ ก็เพราะต้นสกุลเป็นโรคเรื้อนถูกเนรเทศออกนอกเมืองไปอยู่ป่า
ทั้งสองฝ่ายเตรียมกำลังคนคือทหารและอาวุธจะเข้าห้ำหั่นกัน พระพุทธเจ้าทรงทราบเข้า จึงเสด็จมาทรงระงับสงคราม ทรงประชุมพระญาติทั้งสองฝ่าย แล้วทรงซักถามถึงต้นตอของตัวปัญหา
พระพุทธเจ้า “ทะเลาะกันเรื่องอะไร”
พระญาติ “เรื่องน้ำ พระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้า “ระหว่างน้ำกับชีวิตคนนี่
อย่างไหนจะมีค่ามากกว่ากัน”
พระญาติ “ชีวิตคนมากกว่าพระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้า “ควรแล้วหรือที่ทำอย่างนี้”
พระญาติดุษณีภาพทุกคน ไม่มีใครกราบทูลเลย
พระพุทธเจ้า “ถ้าเราตถาคตไม่มาที่นี่วันนี้
ทะเลเลือดจะไหลนอง”
(โลหิตนที ปวัตติสสติ)
พระญาติทั้งสองฝ่ายเลยเลิกเตรียมทำสงครามกัน เหตุการณ์ตอนนี้เป็นบทบาทสำคัญตอนหนึ่งของพระพุทธเจ้า เพราะเห็นความสำคัญนี้ คนรุ่นต่อมาจึงสร้างพระพุทธรูปขึ้นปางหนึ่งเป็นอนุสรณ์ที่เรียกกันว่า “พระปางห้ามญาติ” นั่นเอง
ภาพและข้อมูลจาก
สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา
โดย ครูเหม เวชกร
ที่มา
http://www.84000.org/tipitaka/picture/f59.html
ภาพพุทธประวัติ ตอนพระพุทธองค์เสด็จมาห้ามทัพพระญาติฝ่ายพระบิดาและพระมารดา ซึ่งย่อมเป็นคำตอบได้อย่างดีกับผู้ที่ตั้งคำถามว่า พระไม่ควรออกมายุ่งวุ่นวายกับการบ้านการเมือง ? โดยหลงผิดไปว่า ผู้สงบแล้ว ควรไปอยู่แต่ที่สงบฯ ไม่ต้องออกมายุ่งเกี่ยวกับใคร นี่คือความเข้าใจผิดของสังคมมนุษยชาติ
สมณะคือผู้สงบ เมื่อสงบได้แล้ว ก็จะต้องออกมาช่วยสังคมให้เกิดความสงบเรียบร้อย นี่คืองานและหน้าที่ของสมณะ
ที่มา
สมณะโพธิรักษ์
จากหนังสือ “การลอกคราบเป็นการเมืองใหม่”
จัดพิมพ์โดยบริษัทฟ้าอภัย จำกัด
กรกฎาคม ๒๕๕๑