Rating: | ★★★★★ |
Category: | Other |
ทักษิณอธิษฐาน
เลวจริงขออย่าได้กลับเมืองไทย
-ปฏิญาณจงรักภักดี
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 17 สิงหาคม 2552 13:13
วิดีโอลิงค์"ทักษิณ" ขอพระชนม์ยืนนาน120พรรษา ปฏิญาณจงรักภักดีตลอดชีพ ยื่นฎีกาเสร็จสะอื้นขอบคุณเสื้อแดง อธิษฐานบนเครื่องเลวจริงอย่าได้กลับไทย
เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินก่อนการยื่นรายชื่อถวายฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้กับรองราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ดังต่อไปนี้ว่า "ขอบคุณพี่น้องที่มีน้ำใจและไม่มีวันลืมทั้งชีวิต วันนี้ที่พี่น้องมาที่นี่ ไม่ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเองลำพัง แต่พี่น้องได้สั่งสมความรู้สึกมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เสียงของประชาชนถูกโยนทิ้งเพราะปฎิวัติ ได้เปลี่ยนการปกครองคนส่วนใหญ่เป็นคนส่วนน้อย จนเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น เกิดระบบ 2 มาตรฐาน ผมเป็นเหยื่อถูกรังแกใส่ร้ายทำให้พี่น้องเดือดร้อน ก็เดินทางมาขอพึ่งพระบารมี เพราะพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยทุกคน ในเมื่อคนไทยส่วนใหญ่กลุ่มหนึ่งนำโดยพี่น้องได้พร้อมใจกันมาขอพึ่งพระบารมี
วันที่ได้เป็นนายกฯ ได้โอกาสมีเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นการส่วนพระองค์ กราบบังคมทูลฯ ว่า ผมเป็นนายกฯ คนแรกที่เกิดในแผ่นดินของพระองค์ท่าน คือทรงขึ้นครองราชย์ในปีพ.ศ.2489 ซึ่งผมเกิดพ.ศ.2492 โดยผมทุ่มเททุกอย่างเพื่อบรรเทาพระราชภาระ ซึ่งเห็นมาตลอดว่า ทรงงานหนัก ขณะนี้ทรงมีพระชนมายุมากแล้ว ผมเลยทำงานทุ่มเทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาตลอด ทุ่มเทให้พี่น้องประชาชน
การทำโพลครั้งล่าสุด ด้วยทีมทำโพลทีมเดียวกับนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ว่าคนกรุงเทพฯ 72% อยากได้รัฐธรรมนูญปี 40 คืนมา เพราะมีความสุขภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่ระบอบเผด็จการ แต่ผลที่ได้รับจากการทุ่มเททำงานหนักและคิดดี คือถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาโดยเฉพาะการสร้างเรื่องไม่จงรักภักดี ทั้งหมดแล้วมีเป้าหมายสุดท้าย เพื่อต้องการโค่นล้มทางการเมืองและเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยไม่อดทนใช้ครรลองของระบอบประชาธิปไตย จนเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยา 49 พยายามอ้างเหตุผลตัวเอง ยัดเยียดข้อหากลั่นแกล้งให้ตน ขอยืนยันสีแดงไม่ใช่คอมมิวนิสต์แต่เป็นเลือดรักชาติและมีความจงรักภักดี ซึ่งวันนี้มากันอย่างสันติ พึ่งพระบารมี ตลอด 60 ปีครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจคนทั้งชาติและสัญลักษณ์ความสามัคคี
ครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์ท่านทรงประชวร ผมได้เข้าเฝ้าฯ ส่วนพระองค์ และกราบบังคมทูลฯ ว่า ขอพระองค์ท่านทรงรักษาพระวรกายให้แข็งแรง เพื่อให้มีพระชนมายุยืนนาน เท่าพระอานนท์ 120 ปี เพราะผมรู้ว่าคนไทยไม่ฟังกัน คงมีพระเจ้าอยู่หัวที่คนไทยเชื่อฟัง ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งมีพระองค์ท่านองค์เดียวดลบันดาลให้ทุกอย่างหายปลิดทิ้ง นี่คือสิ่งที่ผมได้บังคมทูลด้วยหัวใจของความจงรักภักดี ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น ตลอดเวลาทำงานได้สำเร็จ ขอเรียนว่าผมมีกำลังใจและได้รับสติปัญญา พระราชทานโดยตรงและโดยอ้อมจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ มีโอกาสตามเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในหลายโอกาส เห็นการทำงานหนักของพระองค์ ทรงมีพระเมตตาต่อคนยากจนผ่านโครงการศิลปาชีพ ซึ่งผมได้เรียนรู้และเดินตามรอยพระบาท พยายามทุ่มเททุกอย่างจนสำเร็จ ต่อจนจนกลายเป็นความสำเร็จของโครงการโอทอปอย่างรวดเร็ว เพราะคนไทยมีฝีมือจากการถ่ายทอดในโครงการศิลปาชีพมาก่อนแล้ว
แต่ไม่วายถูกใส่ร้าย ต้องถูกโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งเป็นเรื่องตลก การขายทรัพย์ไม่ผิด คนซื้อก็ไม่ผิด แต่สามีผู้ซื้อที่ยินยอมให้ทำนิติกรรมกลับผิด ทั้งๆ ที่ไม่มีความยุติธรรมในขณะนั้น เพราะสืบทอดมาจากการปฏิวัติรัฐประหารและวิธีกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น จึงยื่นถอนทนายแต่ศาลไม่ยอม และตัดสินลงโทษผมด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4
ให้พ่อหลวงของเรา เพราะเราอยากเห็นความสามัคคีของคนในชาติและความปรองดองในสังคมไทย อยากเห็นสิทธิเสรีภาพของคนไทย และศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เราต้องการให้ประเทศไทยมีความสุขเหมือนเดิม เราต้องการให้นายกรัฐมนตรีสามารถไปไหนก็ได้ในประเทศไทยนี้ ไม่ใช่ว่า ถ้าเป็นทักษิณแล้วไปภาคใต้ไม่ได้ ถ้าเป็นอภิสิทธิ์ไปภาคเหนือกับอีสานไม่ได้ เราต้องการให้ทุกอย่างยุติ เราอยากให้เห็นว่าคนไทยมีหัวใจสีเดียวกัน รวมกันอยู่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำไมเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ ทำไมต้องใช้ปืนและกฎหมายเอียงๆ มาทำลายความสุขของคนไทย
ถึงเวลาหรือยังที่คนไทยจะสามารถยิ้มใส่กันด้วยความสนิทใจ ไม่ใช่ยิ้มไปถามแล้วถามว่า เอ็งเป็นสีเหลืองหรือสีแดงวะ ถามว่ามันทุกข์ไหม ผมว่ามันทุกข์ทุกคน ผมก็เชื่อว่าพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงกลุ้มพระทัยไม่น้อย ที่เห็นเมืองไทยเป็นแบบนี้ วันนี้เป็นวันที่เราจะมาร้องทุกข์ ดังนั้น พวกทนายหน้าหอทั้งหลาย อย่ามาตีความเลอะเทอะ เพราะหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ต้องไปด้วยกัน ไม่งั้นประเทศจะไปด้วยกันไม่ได้
พี่น้องครับ คนไทยทั้งชาติไม่ว่าจะสีอะไร อย่าให้คนหลงอำนาจมาเสี้ยมให้เราทะเลาะกันเลย มาเสี้ยมให้เราทะเลาะ เราต้องเป็นหัวใจสีเดียวกัน เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวหน้า เราจะมีความสุขด้วยกัน เราจะสามัคคีกันถวายพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงมีความสุข พ้นความกลุ้มพระทัยในเรื่องนี้
พี่น้องครับ ในฐานะที่ผมเคยทำหน้าที่มาหลายครั้ง และได้รับพระเมตตามาหลายครั้ง ผมเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ตอนวิ่งจะพูดว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนนอนทุกวัน ต้องปฏิญาณตนว่าต้องจงรักภักดี เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ผมต้องนำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์เป็นประจำ แม้เขาจะกล่าวหาว่าผมเป็นผู้ร้ายหลบหนี ผมขออนุญาตปฏิญาณตนต่อหน้าพี่น้องคนไทย ทั้งประเทศและต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์
ข้าพเจ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว ขอถวายสัตย์ว่า ข้าพเจ้าและครอบครัวจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และราชวงค์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ควรไม่ควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เรามาร้องเพลงร่วมกันดีกว่า เพื่อเป็นการถวายพระราชสดุดี
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้นำร้องเพลงสดุดีมหาราชา พร้อมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวง และเมื่อร้องเพลงจบแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณและคนเสื้อแดงตะโกนว่า "ทรงพระเจริญ" และ "ไชโย" อีกสามครั้ง จากนั้นไหว้ขอบคุณกล่าวลาประชาชน
"ทักษิณ" สะอื้นขอบคุณ
สั่งลาเสื้อแดงสลายตัวกลับบ้าน
ต่อมา เวลา 13.30 น. ภายหลังแกนนำบางส่วนกลับมาจากการยื่นถวายฎีกา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงได้ชี้แจงถึงขั้นตอนการวายฎีกาต่อผู้ชุมนุม พร้อมทั้งระบุว่าการถวายฎีกาถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจรับเอกสารเพื่อนำไปเก็บไว้ยังที่ปลอดภัย ซึ่งมีรองราชเลขาธิการมารับด้วยตนเอง นอกจากนี้ ในระหว่างที่เดินทางไปเกิดเหตุอัศจรรย์ เพราะทันทีถึงหน้าประตูวิเศษไชยศรี ได้เกิดฟ้าร้อง ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีฟ้าได้รับรู้การถวายฎีกา และในเวลาเดียวกันก็มีแสงแดดสะท้อนลงมาต้องเจดีย์ และหลังคาโบสถ์ สว่างจ้าเป็นสีทอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายณัฐวุฒิได้ต่อสายไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง โดย พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวว่า จนได้เฝ้าดูการยื่นถวายผ่านทางพีเพิลแชนแนลโดยตลอด รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาซึมเป็นระยะๆ และเมื่อโทรศัพท์กลับไปที่บ้าน ทุกคนก็น้ำตาไหล ที่ประชาชนมีเมตตาให้ตนและครอบครัว และต้องขอขอบคุณพี่น้องคนไทยทั้งแผ่นดินที่มีเมตาและมีเป้าหมายที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่สันติสุข ความปรองดองของชาติและความก้าวหน้า โดยระหว่างนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือตลอดเวลา
ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ ได้สอบถาม พ.ต.ท.ทักษิน ว่าหากกลับมาประเทศไทยและขึ้นเวทีของกลุ่มเสื้อแดงจะทำอะไรเป็นอย่างแรก พร้อมถามถึงของฝากที่ พ.ต.ท.ทักษิณฝากมาให้กับประชาชน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษินกล่าวว่า ตนบินไปรอบโลกแต่ใจก็ยังคิดถึงประเทศไทย อยากเล่าว่าครั้งหนึ่งต้องนั่งเครื่องบินผ่านประเทศไทย นักบินจึงถามว่าจะให้บินอ้อมหรือไม่ เพราะหากเกิดเหตุต้องบินลงฉุกเฉินอาจทำให้เกิดเรื่อง เขาบอกว่าให้บินผ่านประเทศไทยเลย ซึ่งระหว่างที่บินผ่านนั้น ระยะเวลา 20 นาที ก็ได้นั่งสมาธินึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิในประเทศไทยว่า หากผมเลวจริงก็ขออย่าให้ได้กลับมายังประเทศไทย แต่หากจงรักภักดีคิดดีก็ขอให้กลับมา และได้แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
"ผมก็หวังว่าจะได้กลับมาตอบแทนคุณพี่น้องคนไทย ซึ่งหากได้กลับมาขึ้นเวทีเสื้อแดงสิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องกราบขอบคุณพ่อแม่พี่น้องที่เมตตามากมายขนาดนี้ ส่วนของที่ฝากมาให้ เป็นรูปภาพของผมพร้อมด้วยข้อความที่ผมตั้งใจเขียนเป็นที่ระลึกจากใจผู้ที่อยู่แดนไกล และหากมีโอกาสกลับมาจะไปเยือนพี่น้องทุกหนทุกแห่งเท่าที่จะทำได้ และหลังจากนี้ก็คงจะบินโฉบไปโฉบมาสักพักจนกว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและขอให้สู้กันอย่างสันติ เพราะเชื่อว่าสันติจะทำให้เราชนะได้" พ.ต.ท.ทักษิน ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานระหว่างวีดีโอลิงค์ นายณัฐวุฒิ พยายามขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษินร้องเพลง "ฉันจะกลับมา" แต่ พ.ต.ท.ทักษินอ้างว่าจำเนื้อไม่ได้ ทีมงานจึงได้เปิดเพลงและให้ พ.ต.ท.ทักษินร้องคลอตามไป และเมื่อจบเพลง พ.ต.ท.ทักษินกล่าวว่า "เพลงดังกล่าวตรงกับความรู้สึกในใจว่าสักวันผมจะกลับมาประเทศไทย ถึงแม้จะถูกย่ำยีก็จะอดทนเพื่อรอวันกลับ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรูปภาพที่ พ.ต.ท.ทักษินแจกเป็นที่ระลึกนั้น เป็นภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดรูป พ.ต.ท.ทักษินใส่เสื้อ โปโลสีแดง ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม และมีข้อความเขียนด้วยลายมือ พ.ต.ท.ทักษินว่า “ผมจะไม่มีวันลืม น้ำใจอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องชาวเสื้อแดงที่มีต่อผมครั้งนี้ครับ” และมีลายเซ็นของ พ.ต.ท.ทักษินและลงวันที่ 17 ส.ค. 2552
จากนั้นนายณัฐวุฒิก็ระบุว่า เมื่อนายวีระเสร็จขั้นตอนการตรวจสอบฎีกาและกลับมายังเวทีก็จะติดต่อ พ.ต.ท.ทักษินอีกครั้งเพื่อให้นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 14.30 น. นายวีระก็ได้กลับมายังสถานที่การชุมนุมและต่อสายไปยังพ.ต.ท.ทักษิน อีกครั้ง โดยพ.ต.ท.ทักษินได้นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และไชโยสามครั้ง พร้อมด้วยเปิดเพลง "ฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดินอีกครั้ง" หลังจากนั้นนายวีระ จึงได้ให้ประชาชนแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยแกนนำก็ยืนรอส่งผู้ชุมนุมบนเวที
---- ตอนนี้ไอ้ทักมันอยู่"ดูไบ"อ่ะนะ ที่ผ่านมาก็ไปมาหลายประเทศอยู่ งั้นเราก็น่าจะได้ข้อสรุปแล้วนะ....:)
ตอบลบเลวไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆเนอะ
ตอบลบเดวมันก็ตายแล้ว
ตอบลบคงได้ตายสมใจ ปากพล่อยหาสาเหตุไม่ได้ เผลอตัวไปกล่าวคำสาบาน ไม่สำนึกว่าตัวเองเลวจริง คงเห็นผลในเร็ววัน..สาธุ
ตอบลบจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าดได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
ตอบลบถ้าท่านสำนึกผิดจริง เป็นคนดีจริงๆ และกลับตัวจริง คิดจะทำเพื่อประเทศชาติจริง ขอให้ท่านได้กลับมาอยู่อบอุ่นกับชาติไทยเรา
แต่ถ้าท่านไม่สำนึกผิด และคิดไม่ดี ขอให้ท่านอย่าได้กลับมาเลยครับ บ้านเมือวุ่นวาย มันเป็นกรรมหนัก
ใครอยากได้รัฐธรรมนูญปี 40 คืนมา??
ตอบลบฉันไม่อยาก เพราะมีแมงมันเจาะพรุนหมดแล้ว
มาสำนึกผิด คิดเทอดทูนสถาบัน ตอนใกล้ตาย คงไม่ทันแล้วมั่ง พวกแนวหน้าถวายฎีกาก็อยู่ระหว่างดำเนินคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งนั้น..สมองมันทำด้วยอะไร..ไม่เข้าใจจริงๆ
ตอบลบกันลืม
ตอบลบจงรักภักดี
ตอบลบล่าสุดเมื่อวัน "ฎีกาแดง"
ตอบลบ๑๗ สิงหาฯ นี้
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ
ทักษิณอธิษฐาน
ตอบลบเลวจริงขออย่าได้กลับเมืองไทย
-ปฏิญาณจงรักภักดี
===========================
แน่จริงต้องกล้าสาบานออกมาเลย ว่า "เลวจริงขอให้ชีวิตบรรลัย ไม่ได้ผุดได้เกิด" กล้าป่ะ แม้วเอ้ย
สงสัยที่เราออกไปกันนั่น "เหนื่อยเปล่า" นะคะพี่ประสงค์
ตอบลบ
ตอบลบไม่กล้าอะสิน้องเอ๊ย