
มีเหตุอะไร…ทำไมไม่ให้คบ
วัฒนะ บุญจับ...เรื่อง
ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...ภาพลายเส้น
มีถ้อยคำไทยอยู่หลายสำนวนที่กล่าวถึงคนที่ไม่ควรคบค้าหรือสมาคมด้วย เช่น “เขมรขาว ลาวใหญ่ ไทยเล็ก เจ๊กดำ” ตลอดไปจนถึงลักษณะไม่งามซึ่งหากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ลักษณะที่ว่านั้น ก็คือ “สัตว์เลี้ยงผอม ฤๅษีพี นารีไม่มีถัน”
เอ…แล้วทำไมโบราณท่านถึงได้ว่าไว้อย่างนั้นล่ะ
เริ่มที่ “เขมรขาว ลาวใหญ่ ไทยเล็ก เจ๊กดำ” ก่อนก็แล้วกัน จากคำกล่าวที่เล่าขานสืบกันมานานนมนี้ พอที่จะบอกสาเหตุได้ว่า บุคคลที่ท่านให้ระมัดระวังเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีลักษณะที่ผิดไปจากธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ที่ตัวเองไปอาศัยเกิด และมีลักษณะไปพ้องกับบุคคลที่เคยมีประวัติเลวร้ายในครั้งอดีตด้วยทั้งสิ้น
ดูอย่าง “เขมรขาว” ซึ่งบางครั้งพูดเป็น “มอญขาว” ก็มี ไม่ว่าจะเป็นคนมอญหรือคนเขมรต่างก็มีธรรมชาติผิวสีคล้ำไปจนถึงดำทั้งสิ้น แม้ว่าจะดำถึงขนาดนิโกรก็ตามที ซึ่งต่างไปจากคนจีน หรือที่คนไทยมักเรียกแบบจิกหัวว่า “เจ๊ก” นั้น ปกติแล้วจะมีผิวขาวจนแทบจะดูเป็นซีด แต่ถ้าเป็น “เจ๊กดำ” เมื่อไรเป็นอันว่าไม่ได้เรื่อง เพราะต่างไปจากพวกเสียแล้ว ซึ่งความคิดนี้ก็คลุมไปถึง “ลาวใหญ่” กับ “ไทยเล็ก” ด้วย ดังความในโคลงกระทู้สุภาษิตที่ว่า
เขมรขาว เขาห้ามว่า อย่าคบ
ลาวใหญ่ ใครปะพบ อย่าพ้อง
ไทยเล็ก ชั่วบัดซบ อย่าเสพย์ มิตรแฮ
เจ๊กมืด ดำทำท้อง เทือกแท้กังฉิน
ส่วน “สัตว์เลี้ยงผอม ฤๅษีพี นารีไม่มีถัน” นั้น เป็นเรื่องของการผิดจากปกติที่ควรจะเป็น ซึ่งลักษณะเช่นนี้ โบราณท่านถือว่าออกไปในเชิงอุบาทว์ คือ ไม่เป็นมงคลต่อผู้ที่ครอบครองหรืออยู่ด้วย เพราะธรรมดาสัตว์ที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีควรที่จะอ้วนพีล่ำสัน ในขณะที่ฤๅษีผู้คร่ำเคร่งอยู่กับการปฏิบัติรักษาศีลบำเพ็ญพรตภาวนา ต้องอดมื้อกินมื้อ ก็ควรที่จะผอมเกร็ง ไม่ใช่มีไขมันส่วนเกินสะสมมากมายเหมือนคนที่กินดีมีสุขทางโลกทั่วไป แล้วไม่งามสมลักษณะของผู้ทรงศีลแต่อย่างใด
และสุดท้ายคือเรื่องส่วนของสตรีอันทำหน้าที่ให้ชายใหลหลงได้นั้น หากไม่มีเสียแล้ว คนโบราณท่านจึงเห็นว่า คุณค่าที่สตรีมีมากกว่าบุรุษอย่างเด่นชัดนั้น กลับหายไป ทำให้มองอย่างไรก็ไม่งามสมบูรณ์แบบกุลสตรีสักที
ยิ่งคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับลักษณะอย่างนี้ด้วย….จะให้ทำใจได้ง่าย ๆ เรอะ
ต้นฉบับเหลือ ๆ กับพี่ชายใจดี
เรื่อง “มีเหตุอะไร...ทำไมไม่ให้คบ” เป็นต้นฉบับที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ เขียนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดย “พี่วัฒน์” วัฒนะ บุญจับ พี่ชายใจดี นักอักษรศาสตร์ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ผู้มากความสามารถของเรา ที่เขียนหนังสือทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง และยังขับเสภาได้ไพเราะ ไพเราะแค่ไหนก็ลองนึกเอาจากที่พี่เขาเสียงหล่อขนาดเป็นนักจัดรายการวิทยุด้วย
ตอนนั้นเรากำลังทำวารสารสำหรับคนรักภาษาและวัฒนธรรมไทยชื่อ “รฦก” หนังสือในฝันของเรา โดยมีหนังสือ “กำปั่น” หนังสือภาษาและวัฒนธรรมไทยเล่มเล็กสำหรับเยาวชนเป็นเล่มแทรก ซึ่ง “มีเหตุอะไร...ทำไมไม่ให้คบ” จะต้องลงตีพิมพ์ใน “กำปั่น”
ทีนี้ความเมตตาและน้ำใจจากครู ๆ พี่ ๆ นักเขียนในแวดวงวัฒนธรรมที่มาช่วยกันเขียนต้นฉบับให้เรามากมาย จนไม่มีพื้นที่จะลงเรื่องได้ทั้งหมด เลยต้องขอเก็บต้นฉบับของพี่วัฒน์ไว้ลงตีพิมพ์ในฉบับต่อไป
แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีฉบับต่อไป
อยากบอกว่า ยังรฦกถึงความเมตตาและน้ำใจไมตรีของครู ๆ พี่ ๆ ทุกคน ซึ่ง “พี่วัฒน์” ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ทั้งช่วยคิด ช่วยเขียน ช่วยให้คำปรึกษา และเป็นกำลังใจในการจัดทำหนังสือในฝันของเราเล่มนั้นจนสำเร็จ (แถมเลี้ยงข้าวด้วย)
ขอบคุณความใจดีของพี่ชายใจดีคนนี้ และขอเอาต้นฉบับที่เหลือกับความทรงจำดี ๆ มาจารึกไว้ที่นี่นะพี่นะ
รฦกถึง
“คุณหวานเจี๊ยบ” จ้า
(อยากกินอีกนะพี่ อาหารอีสานร้านนั้นน่ะ)
ห้องแต่งใหม่ซะจนจำไม่ได้ ทุกวันนี้ Globalization (สะกดถูกไม๊นี่) แล้วจะเอาเกณฑ์เดิมๆมาวัดคงลำบาก เพราะแต่เผ่าพันธ์ก็มีการผสมปนแปไปจนบางทีดูไม่ออกถึงเชื่อสายเดิมแล้ว
ตอบลบอ่านสนุกดีครับผม
ตอบลบขอเป็นกำลังใจครับ
ตอบลบอยากอ่าน "รฦก" ครับ
ตอบลบแล้ว อย่าง "จปล." (เจ๊กปนลาว) "จปลปท." (เจ็กปนลาวปนไทย) ล่ะครับ จะเอาเกณฑ์ไหนมาตัดสินดี :-)
รู้จักพี่วัฒนะ แล้วรู้จักพี่บุญเตือนที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ด้วยหรือเปล่าครับ?
ตอบลบที่นำมาให้อ่านเป็นเกณฑ์ของคนสมัยก่อนหนะขะ
ตอบลบก็คงต้องเปลี่ยนไปตามสภาพสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละยุคสมัย
เช่น สมัยนี้อาจไม่ให้คบคนหน้าเหลี่ยม หน้าหมู หน้าแขก ตาเหล่ (รึป่าวน้อ)
ดีใจที่สนุกค่ะ
ตอบลบอยากอ่าน "รฦก"
ตอบลบลองติดต่อไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม นะคะ
ว่ายังพอมีเหลือรึไม่
หากไม่มี ลองดูตามห้องสมุดพิพิธภัณฑ์หรือโรงเรียน
เพราะตอนน้ำทำเสร็จ กระทรวงวัฒนธรรมส่งไปแจกตามพิพิธภัณฑ์และโรงเรียนด้วยค่ะ
ห้องสมุดที่หอไทยนิทัศน์ ศูนย์วัฒนธรรมฯ ก็มีค่ะ
ขออภัยที่หนังสือส่วนตัวหมดแล้วค่ะ ไม่เช่นนั้นจะมอบให้
ส่วนเรื่อง "จปล." กับ "จปลปท" คงต้องรอพี่วัฒนะมาเล่าต่อแล้วมั้งคะ...หุหุ
รู้จักพี่บุญเตือนจากงานเขียนค่ะ
ตอบลบแล้วก็ได้แวะไปสวัสดีอยู่ครั้งนึงตอนไปหาพี่วัฒนะที่สำนักฯ หนะขะ
คุณประสาทอยู่ที่สำนักฯ นี้เหมือนกันหรอคะ
พี่วัฒนะเค้าเล่น hi5 ด้วยค่ะ (ทำตัวแนว...อิอิ)
ชวนมามัลติพลายไม่ยอมมาซักที
ไม่ได้ทำงานที่นี่หรอกครับ แต่สนใจประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม ไปหาซื้อหนังสือที่นั่้นบ้างบางครั้ง รู้จักพี่บุญเตือนกับอาจารย์วีระพงศ์ครั้งที่ทำงานบางเรื่องให้พี่สุจิตต์ วงษ์เทศ ที่ศิลปวัฒนธรรม มติชน น่ะครับ
ตอบลบอ่านสนุกดีจริงๆด้วย ชอบๆอ่านค่ะ แล้วจะแวะมาติดตามอีกนะคะ
ตอบลบ
ตอบลบขอบคุณค่า
ขอบคุณค่า
โค้ง
โค้ง
แล้วแวะมาอีกนะคะ
เดี๋ยวจะสะกดรอยตามไปเที่ยวบ้านนะคะ
กด like ที่ไหนดี?
ตอบลบผมว่ากฏนี้ก็ยังนำมาประยุกต์ใช้ได้กับสังคมยุคปัจจุบันนะครับ ถ้าจะมองอย่างถ่องแท้
ขอบพระคุณสำหรับแนวคิดดีๆ ครับ
ตอบลบมันเป็นสำนวนไทยที่พูดกันมาในอดีตค่ะ
เพราะสมัยก่อนเคยมีเหตุไม่ดีจากคนลักษณะเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย
ไม่ได้เอามาด่ากระทบกระเทียบคนปัจจุบันค่ะ
ตอบลบกดที่ fb
๕๕๕ !!
ต้องไปศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ชาติไทย
จึงจะเข้าใจว่าทำไมจึงห้ามคบคนประเภทที่ว่านี้
ปัจจุบันคงไม่มีใครจับมาเป็นอคติเชิงชาติพันธุ์แล้ว
คุณคนข้างบนนั่นท่าทางไม่เข้าใจ เลยไม่พอใจนะ
แต่ที่แน่ๆ และเห็นกันอย่างชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือ
ตอบลบคนเขมร คบไม่ได้.... เจอที่ไหน สาปส่ง และ ส่งกลับประเทศในพลัน....
ส่วนจะกระทบใคร ผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่า ผมเกลียดพวกมัน!!
ตอบลบเขมรคบไม่ได้
คนไทยด้วยกันเองบางพวกก็คบไม่ได้นะที
ไม่ใช่แต่เขมรเท่านั้น