
Rating: | ★★★★★ |
Category: | Other |
"แรงงานมีส่วนสำคัญ
ในการพัฒนาประเทศ
มาได้อย่างไร
มีค่าจ้าง ผลตอบแทน
ในบรรยากาศ
การเมืองแบบไหน"
ไปหาคำตอบกันได้ที่
พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย
ผ่านพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย
ปัจจุบันเราอยู่ในสังคมทุนนิยม ที่เน้นพัฒนาอุตสาหกรรมเป็นหลัก จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาประเทศมาจากแรงงานเครื่องจักรกล และแรงงานสมองของมนุษย์ หากนับถอยหลังมองย้อนกลับไปในยุคบุพกาล กลุ่มผู้ใช้แรงงานมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาประเทศ ซึ่งเรื่องราวและวิวัฒนาการของผู้ใช้แรงงานไทยตั้งแต่ยุคสังคมศักดินา กระทั่งเปลี่ยนผ่านสู่สังคมทุนนิยม ได้ถูกรวบรวมไว้ใน "พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย"
ที่มาแห่งพิพิธภัณฑ์
ถัดจากสถานีรถไฟมักกะสัน เขตราชเทวี อาคารก่อตึกฉาบสีแดงทั้งหลังทำให้ตัวอาคารโดดเด่น ในอดีตอาคารแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ทำการของสถานีอนามัย และสถานีตำรวจรถไฟ ก่อนที่จะถูกรื้อถอน ปัจจุบันทางสหภาพแรงงานได้เข้ามาขอพื้นที่เพื่อใช้เป็นที่ทำการของ "พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย"
พิพิธภัณฑ์แรงงานไทยแห่งนี้จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของขบวนการแรงงานไทย องค์กรแรงงาน เอ็นจีโอแรงงาน เอกชน นักวิชาการประวัติศาสตร์ และมูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๖ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์แรงงาน
สนามหญ้าทางเข้าอาคาร นอกจากจะติดตั้งป้ายชื่อพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เป็นที่สังเกตได้ง่ายแล้ว ข้าง ๆ กันยังมีประติมากรรมรูปปั้นชายและหญิงช่วยกันผลักกงล้อซึ่งสื่อความหมายถึงกงล้อประวัติศาสตร์ให้เคลื่อนไปข้างหน้า
ภายในอาคารแยกย่อยเป็นห้องจัดแสดงเอกสาร ข้าวของเครื่องใช้ ตราสัญลักษณ์ซึ่งจะเกี่ยวร้อยเป็นเรื่องราวของผู้ใช้แรงงานตั้งแต่ยุคบุพกาล เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน วิชัย นราไพบูลย์ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์หนุ่ม วัย ๔๙ ปี ออกมาต้อนรับผู้มาเยือนพร้อมกับทำหน้าที่ไกด์ พรั่งพรูเรื่องราวอีกด้านของผู้ใช้แรงงานไทย
"พิพิธภัณฑ์คือสถานที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมา ไม่ใช่ที่เก็บของเก่าอย่างเดียว มีเรื่องราวอยู่ในของเหล่านั้นด้วย บอกเล่าเรื่องราวและยุคสมัย พิพิธภัณฑ์แรงงานก็เช่นกัน เอาความหมายของแรงงานในยุคต้น ๆ ทำให้เรารู้วิวัฒนาการว่าแรงงานมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศมาได้อย่างไร มีค่าจ้าง ผลตอบแทนในบรรยากาศการเมืองแบบไหน" วิชัยกล่าวนำก่อนจะพานำชมพิพิธภัณฑ์
ยุคแรกของแรงงานไทย
จากร้านขายของที่ระลึก เข้าสู่ห้องจัดแสดงเรื่องราวของวิวัฒนาการการใช้เครื่องมือแรงงานเพื่อทำงานในยุคสังคมจารีต ตั้งแต่ยุคใช้เครื่องมือจากกระดูกสัตว์ เครื่องมือยุคหิน สำริด โลหะ เครื่องปั้นดินเผาใ ช้แรงงานเพื่อทำมาหากินจนพัฒนาเป็นชุมชน ขณะที่ฝาผนังอีกด้านหนึ่งของห้องเรียงรายไปด้วยข้าวของเครื่องใช้แบบชาวบ้านสำหรับการทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ อย่างกระบุง กระจาด เคียวเกี่ยวข้าว เครื่องมือจับปลา มองไล่ลงมาถึงพื้นห้องจะเห็นเครื่องสีข้าว เครื่องสีฝัด และเครื่องรีดน้ำอ้อย ซึ่งหาดูได้ยากในปัจจุบันที่พัฒนาเป็นสังคมอุตสาหกรรม
นอกจากเครื่องใช้ดังกล่าว ในห้องยังจัดแสดงเอกสารแสดงลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการเกณฑ์แรงงานไพร่ ไทย มอญ เอกสารการต่อต้านเจ้านาย เอกสารในการเก็บภาษีอากร เอกสารเกณฑ์แรงงานไปพายเรือรับแขก
"สังคมโบราณ แรงงานที่ได้เป็นแรงงานเกณฑ์ไปใช้แรงงานให้กับพวกเจ้าขุนมูลนาย ทุกคนขึ้นทะเบียนสังกัดโดยการสักข้อมือเรียกว่าการสักไพร่ ไพร่ผู้หญิงทำไร่ทำนา เพาะปลูก หาเลี้ยงครอบครัว ผู้ชายทำงานโยธา ขุดคลอง ก่อสร้าง ขณะที่ไพร่ผู้หญิงที่ขึ้นทะเบียนไว้ มีเพียงบางส่วนที่ถูกเกณฑ์เป็นแรงงาน ลักษณะงานที่ทำก็เป็นเพียงแรงงานเบา ประวัติศาสตร์แรงงานร่วมสมัย ต้นรัชกาล ๔ เริ่มมีแรงงานรับจ้างขึ้นมา เปลี่ยนการผลิตจากเกษตรพอเพียงเพื่อเลี้ยงตัวเองเป็นการผลิตเพื่อส่งออก มีข้าวเป็นสินค้าสำคัญ ไพร่ทาสถูกเกณฑ์ไปอยู่ในไร่นาเป็นส่วนใหญ่" วิชัยอธิบายถึงสถานการณ์แรงงานในช่วงบุพกาล
กุลีจีน ผู้บุกเบิกแรงงานรับจ้าง
ระหว่างเปลี่ยนผ่านจากสังคมศักดินาสู่สังคมทุนนิยมช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความต้องการจ้างแรงงาน หากช่วงดังกล่าวชาวสยามยังผูกติดกับแรงงานบังคับในระบบไพร่ จึงหันมาใช้แรงงานต่างชาติ ชาวจีนอพยพจึงเป็นแรงงานต่างด้าวรับจ้างรุ่นแรกในสยามประเทศ มาพร้อมกับเรือสำเภาซึ่งบรรทุกสินค้าเต็มท้องเรือ ขณะที่ส่วนบนของดาดฟ้าเต็มไปด้วยชาวจีนจำนวนมากยืนยัดเยียดจนแทบไม่เหลือพื้นที่สำหรับนั่ง ประกอบกับการเดินทางทางเรือสมัยก่อนอาศัยลมทะเลในการขับเคลื่อน ต้องทนตากแดดตากฝนตากลมตากน้ำค้าง อาหารและน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้หลายคนล้มเจ็บและเสียชีวิตระหว่างทางไปก่อนถึงจุดหมายปลายทางก็มีไม่น้อย
"รถลาก" หรือ "รถเจ๊ก" เป็นพาหนะหลักของคนกรุงในยุคกำลังพัฒนาประเทศสู่ความศิวิไลซ์ ขณะเดียวกันงานลากรถเป็นอาชีพเริ่มต้นของจีนใหม่ที่ไม่มีช่องทางทำมาหากินก่อนจะขยายไปทำอาชีพอื่น งานรถลากยังเป็นที่พึ่งสุดท้ายจากการล้มเหลวในการประกอบอาชีพอื่น
ตรงข้ามกับที่ตั้งของรถลาก จำลองมุมหนึ่งของโรงฝิ่นในอดีต มุมผ่อนคลายอารมณ์หลังจากผ่านการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย ไกด์หนุ่มอธิบายเพิ่มเติมว่า แรงงานจีนอพยพทำงานขยันขันแข่งเก็บเงินกลับเมืองจีน ด้วยเหตุนี้นายจ้างจึงออกอุบายด้วยอบายมุขมัวเมาแรงงาน แรงงานไทยยุคแรกยังไม่มีหน่วยงานเข้ามาคุ้มครอง ต่างจากแรงงานจีนอพยพ มีการรวมตัวกันในรูปแบบสมาคมอั้งยี่ คอยให้ความคุ้มครองแรงงานจีนสยาม
แรงงานในยุคปฏิรูปประเทศ
แสงเหลืองนวลของหลอดไฟดวงเล็กขับให้หัวรถรางจำลองดูโดดเด่น ท่ามกลางตู้ไปรษณีย์สีแดงสด ภายในปราศจากจดหมาย มีเพียงเครื่องโทรเลขและโทรศัพท์เครื่องเก่า ใกล้กันเรียงรายไปด้วยตะแกรงสำหรับร่อนแร่ พร้อมท่อเหล็กฉีดน้ำขนาดใหญ่ ขณะที่อีกมุมหนึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องรีดยางและอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆสำหรับกรีดยาง
ภายในตู้โชว์เล็ก ๆ จำลองโมเดลก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมภูมิภาคต่าง ๆ ชั้นบนของโมเดลเต็มไปด้วยเอกสารในรัชกาลที่ ๕ ทรงประกาศเลิกทาส เอกสารเกี่ยวกับการค้าทาส และหนังสือขายตัวเป็นทาส
ไกด์หนุ่มอธิบายที่มาของสาธารณูปโภคที่นำมาแสดงให้ฟังว่า ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ สยามประเทศมีการปฏิรูประบบสาธารณูปโภค โทรเลข โทรศัพท์ ขุดคลอง ชลประทาน สร้างถนนหนทาง สะพาน รถไฟเชื่อมภูมิภาคต่าง ๆ มีการริเริ่มกิจการรถราง กิจการขนส่งมวลชนที่สำคัญของคนเมืองหลวงการพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้ทางภาคเหนือ อุตสาหกรรมยางทางภาคใต้ เมื่อมีการพัฒนาประเทศขนานใหญ่ ยังไม่มีเครื่องจักรเทคโนโลยีสมัยใหม่ แรงงานคนจึงมีความสำคัญในการปฏิรูปประเทศ
๒๔๗๕ ชีวิตแรงงานเปลี่ยนไป
"หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ บรรยากาศมีความเป็นประชาธิปไตย แรงงานสามารถรวมตัวกันจัดตั้งสมาคมเป็นของตัวเอง มีกฎหมายขึ้นมารับรอง สมาคมรถราง เป็นสมาคมแรกที่ได้รับการอนุญาตให้จดทะเบียน" เสียงบอกเล่าของไกด์หนุ่มเอื้อนเอ่ยเหยียบย่างบนพื้นลาดด้วยยางมะตอย บริเวณหน้าทางเข้ามีหมุดคณะราษฎรจำลองจากพระบรมรูปทรงม้า ที่ระลึกเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕
ห้องนี้แสดงเอกสารสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ศรีกรุง แสดงเหตุการณ์ต่าง ๆ ของกรรมกรในการเรียกร้องสิทธิแรงงาน ประวัติพอสังเขปของปัญญาชนกับกรรมกรก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ หนังสือพิมพ์กรรมกร กระดาษกรอบเป็นสีเหลือง ขอบแหว่งวิ่น สื่อฉบับแรกที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแก่ชนชั้นแรงงาน ของถวัต ฤทธิเดช ผู้ได้รับการขนานนามเป็นวีรบุรุษคนแรกของกรรมกร
"รัฐบาลคณะราษฎรมีแนวคิดลงทุนทำธุรกิจเอง เกิดเป็นรัฐพาณิชย์ ก็คือรัฐวิสาหกิจนั่นเอง" วิชัยอธิบายที่มาของหัวเข็มขัด ประทับตราไว้ว่ารัฐพาณิชย์ให้ฟัง พร้อมกับอธิบายถึงเหรียญตราต่าง ๆ "เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ แรงงานได้รับเมื่อครั้งคนรถไฟ และคนงานรถรางเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือรัฐบาลปราบกบฏบวรเดช ปี ๒๔๗๖"
แรงงานภายใต้ภาวะสงคราม
ภายในห้องจัดแสดงชีวิตแรงงานไทยภายใต้สภาวการณ์ที่สำคัญสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ และสงครามเย็น แสดงให้เห็นบรรยากาศอันหลากหลายของเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ กึ่งกลางของห้องบังเกอร์และเครื่องบินทหารสีเขียวช่วยประกอบฉากโมเดลจำลองการสร้างรถไฟสายมรณะโดยแรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่ถูกญี่ปุ่นจับตัวมา
ห่างออกมารถสามล้อถีบ และร้านตัดผม ทำหน้าที่บอกเล่าประวัติศาสตร์แรงงานและอาชีพที่สงวนไว้สำหรับแรงงานไทย กรงขังภายในเต็มไปด้วยเอกสารคอมมิวนิสต์สะท้อนสิทธิเสรีภาพ รวมถึงกฎหมายแรงงานที่หายไป
วิชัยทำหน้าที่ไกด์อธิบายสถานภาพของแรงงานในยุคเชื่อผู้นำชาติพ้นภัยว่า "เมื่อมีการเข้ามาของอุดมการณ์ทางการเมืองระบบสังคมนิยม แนวคิดสนับสนุนชนชั้นกรรมาชีพ องค์กรแรงงานมีทั้งที่อยู่ฝ่ายสังคมนิยมและกลุ่มที่รัฐบาลสนับสนุน แต่ในที่สุดมีองค์กรหนึ่งที่ปราศจากการแทรกแซงคือกรรมกร ๑๖ หน่วย เรียกร้องกฎหมายแรงงานได้เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ เมื่อสงครามหมด เข้าสู่ยุคสงครามเย็น รอบบ้านประเทศไทยเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์กันหมด มหาอำนาจทางฝ่ายทุนนิยมเกรงกลัวทฤษฎีโดมิโนจึงให้การสนับสนุนให้รัฐบาลเผด็จการทหารขึ้นมามีอำนาจ เพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ ระบบทุนนิยมเติบโต ยุคนั้นยกเลิกพระราชธรรมนูญ กฎหมายแรงงานที่เพิ่งได้ยกเลิก การเรียกร้องสวัสดิการค่าจ้างของแรงงานไม่ได้ บทบาทกรรมกรหายไปนาน หลายคนถูกจับติดคุก ประหารชีวิต"
ชีวิตที่หล่อเลี้ยงด้วยดนตรี
นอกจากวิธีการเรียกร้องด้วยการเดินขบวน เนื้อหาของเพลงผ่านเสียงร้องและทำนองของดนตรีเป็นอีกกระบอกเสียงหนึ่งของชนชั้นผู้ใช้แรงงานใช้ในการเพรียกหาความเป็นธรรมจากสังคม เกิดเป็นดนตรีเพื่อชีวิตแรงงาน
จิตร ภูมิศักดิ์ ผู้บุกเบิกดนตรีเพื่อชีวิตแรงงาน เสนอแนวคิดศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชาชน คือศิลปะที่ต้องไม่รับใช้ตัวศิลปินเอง เป็นศิลปะที่ต้องสะท้อนความเป็นอยู่ของคนทุกข์ยาก ชาวไร่ชาวนา กรรมกร คนทุกข์ยาก ต้องการสิทธิเสรีภาพ เช่น เพลงมาร์ชกรรมกร ศักดิ์ศรีของแรงงาน รำวงวันเมย์เดย์ ภายในห้องจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์แรงงาน นอกจากเรื่องราวของจิตรแล้ว ยังมีจะเข้ตัวโปรด อาวุธทางวัฒนธรรม ใช้ประพันธ์เพลงหลาย ๆ เพลงระหว่างอยู่ในคุกลาดยาว
"ในยุคมืดไม่สามารถพูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพได้อย่างเปิดเผย กวี วรรณกรรมมีบทบาทมาก ปี ๒๕๑๖ วงคาราวาน กรรมาชน วงต้นกล้าของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สุจิตต์ วงษ์เทศ พอเข้าป่ามีแฮมเมอร์ ไม่ได้เข้าป่า แต่เอาเพลงในป่ามาปรับให้เบาลง แล้วเข้าสังกัดเทป เป็นวงแรกที่บุกเบิกเข้าธุรกิจเพลง ยุคคาราบาวทำให้เพลงพวกนี้ดังสุด ๆ กลายเป็นกระแสเพลง สร้างเพลงแรงงานเยอะ แต่ไม่ใช่คนใช้แรงงานในโรงงานจริง ๆ" วิชัยอธิบาย
นอกจากเรื่องราวของจิตร ภูมิศักดิ์ ภายในห้องยังมีเครื่องดนตรีและประวัติของวงดนตรีเพื่อชีวิตทั้งที่เป็นปัญญาชน และวงดนตรีของผู้ใช้แรงงานจริงๆ
"วงคนงานยุคก่อตั้งปี ๒๕๒๒ โดยแหลมสน อดิศร และสมาชิกสหภาพแรงงานไทย วงดนตรีอะคูสติก บทบาทของวงสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของคนงาน วงเตาหลอม เป็นวงดนตรีของคนงานโรงงานผลิตเหล็ก ย่านบางพลี พระประแดง แสดงตามย่านชุมนุมของคนงานย่านสมุทรปราการ ที่เหลือยังเล่น แต่ไม่ได้เล่นเพื่อกิจกรรมประท้วงของแรงงาน เล่นตามผับ"
วิชัยอธิบายพร้อมกับเล่าถึงวงภราดร วงดนตรีของกรรมกรหญิงล้วน ย่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ บันทึกเสียงเพลงครั้งแรก "คิดถึงตุ๊กตา" สะท้อนเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานผลิตตุ๊กตาเคเดอร์ เมื่อปี ๒๕๓๖ แสดงดนตรีในงานชุมนุมของแรงงาน งานกิจกรรมทางการเมือง และยังมีโอกาสได้ไปแสดงในต่างประเทศหลายครั้ง ปัจจุบันจากสมาชิกเพียง ๖ คนเหลือ ๓ คน ๒ ใน ๓ คือสุมาลีและพัชรี เป็นเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ส่วนอีกคนที่เหลือยังคงเป็นสาวโรงงาน ล่าสุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ๓ สาววงภราดรเพิ่งไปเล่นดนตรีให้แรงงานไทยในฮ่องกงฟัง
วันนี้ของแรงงานไทย
ห้องสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์กินเนื้อที่จำนวนมาก พร้อมกับบอกเล่าประวัติศาสตร์การต่อสู้เดือนตุลา สะท้อนสภาพของแรงงานยุคนี้ ถูกกดมานานเป็นเวลาหลายปี ใบปลิวการเรียกร้องเดินขบวนประท้วงเรียกร้องสวัสดิการของแรงงานหญิง เหตุการณ์ต่อสู้ในช่วงพฤษภาทมิฬ
"แรงงานหญิงในยุคศักดินา ผู้ชายถูกเกณฑ์ไปเป็นแรงงาน ทำให้ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายสร้างผลผลิต ตราบเมื่อพลิกสังคมเกษตรกรรมเข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม แรงงานผู้หญิงถูกดึงเข้าสู่โรงงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลิต และเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น บทบาทของแรงงานหญิง การต่อสู้ของคนงานหญิง การเรียกร้องประท้วงกรณีโรงงานฮาร่า คนงานยึดโรงงานผลิตขายเอง ติดสัญลักษณ์ค้อนและเคียวที่กระเป๋า" วิชัยอธิบายพร้อมกับนำชม
โรงหนัง ๑๔ ตุลาซีเนม่า ภายในตกแต่งไปด้วยข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนตุลา มุมชื่นชอบของนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งสามารถใช้เวลาเป็นวัน ๆ ขลุกในห้องเพื่อชมภาพยนตร์สารคดีดังกล่าว
กึ่งกลางของห้องจัดแสดงโมเดลภาพเด็ก พร้อมวิดีทัศน์แสดงภาพเหตุการณ์จริงในการทลายโรงงานผลิตกรวยกระดาษ ซึ่งมีการกดขี่แรงงานเด็ก
" แผนพัฒนาเศรษฐกิจ การคมนาคมขนส่งเข้ามามีบทบาท อาชีพขับรถบรรทุก ๑๐ ล้อ ถึงทุกวันนี้ยังไม่มีสวัสดิการคุ้มครอง เรื่องค่าจ้าง ชีวิตผจญส่วย ยาบำรุงกำลัง กระทิงแดง คาราบาวแดง ส่วย ตำรวจ ยาบ้า" วิชัยอธิบายสถานภาพของแรงงานรถบรรทุก
ลึกลงไปด้านในของห้องจัดแสดงเป็นเรื่องราวของความปลอดภัยในชีวิตของแรงงานอันเกิดจากเพลิงไหม้ กรณีโรงงานผลิตตุ๊กตาเคเดอร์ โมเดลตึก ๔ ชั้น พร้อมภาพของคนจำนวนหนึ่งอยู่ในท่าทางเตรียมพร้อมกระโดดลงจากตึกสูงเพื่อหนีเพลิงไหม้ ตุ๊กตา เศษผ้า รองเท้าที่ดำไหม้ ซากที่เก็บจากสถานที่จริง
"เคเดอร์ โรงงานผลิตตุ๊กตาถูกไฟไหม้ เอาเครื่องจักรกลหนักตั้งไว้ชั้นบน ไม่มีคอนกรีตหุ้ม ไฟไหม้เพียงไม่กี่นาที ตึกทลายลงไป ทำให้คนงานเสียชีวิตเยอะมาก เหตุการณ์นี้นำมาซึ่งการเรียกร้องสถาบันความปลอดภัยและชีวอนามัยของแรงงาน เรียกร้องการก่อสร้างอาคารให้ถูกต้อง มีระบบป้องกันเตือนภัย ดับเพลิง ๑๐ กว่าปีตั้งแต่เหตุการณ์นี้ก็ยังไม่ได้ หลังจากกรณีเคเดอร์ยังปรากฏมีเหตุการณ์อื่นตามมาอีกมาก" วิชัยอธิบายเพิ่มเติม
ภายในยังมีความรู้อธิบายเรื่องของสิทธิแรงงานต่าง ๆ ในปัจจุบัน ปัญหาแรงงานนอกระบบที่ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน วิวัฒนาการแรงงานในส่วนของรัฐวิสาหกิจ
"คนทั่วไปยังไม่เยอะ เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปของคนไทยที่ไม่ชอบไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว แรงงานมาจัดประชุมประจำ กลุ่มคนที่มาศึกษาเรื่องของแรงงาน นักศึกษาแวะเวียนมาเป็นกลุ่ม ใช้ที่นี่เป็นห้องเรียน นักท่องเที่ยวมีบ้าง" วิชัยเอ่ยถึงถึงผู้ที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งยังมีจำนวนไม่มาก
และจากการคลุกคลีกับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งหมุนเวียนเข้ามาใช้ห้องประชุมของที่นี่เพื่อสัมมนาปรึกษาหารือกัน วิชัยแสดงความเห็นทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย แรงงานทุกยุคสมัยต่างมีความต้องการตรงกัน คือค่าแรงที่เป็นธรรม
*****************************************
พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ตั้งอยู่ที่ถนนนิคมรถไฟมักกะสัน เขตราชเทวี เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐-๑๖.๓๐ นาฬิกา หยุดวันจันทร์และอังคาร ไม่เสียค่าเข้าชม หากจะเข้าชมเป็นหมู่คณะโปรดแจ้งล่วงหน้าเพื่อจัดบริการผู้นำชม
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐ ๒๒๕๑ ๓๑๗๓***** ข่าวและภาพบางส่วน จาก : ผู้จัดการรายวัน ๒๙ เมษายน ๒๕๔๘
ที่มา : http://www.siam-handicrafts.com/Webboard/question.asp?QID=3158
ตอบลบ.............................................................................
เพลง....คนทำทาง
เนื้อร้อง....เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ทำนอง....เพลงขอมทรงเครื่อง ๒ ชั้น
ขับร้องและบรรเลงโดย....คีตาญชลี
.............................................................................
พิพิธภัณฑ์แรงงาน เป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราว ที่อยากให้ทุกคนลองไปชมกัน ที่นี่มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ยิ่งถ้าได้ฟังพี่วิชัย นราไพบูลย์ เล่าเรื่องแรงงานไทยให้ฟังแล้วหละก็ รับรองอยู่ได้ทั้งวันไม่เบื่อ
ตอบลบหลายคนอาจยังจำพี่วิชัยได้ พี่เค้าเป็นนักดนตรีวงอินโดจีน บางวันอาจได้ฟังพี่เค้าร้องเพลงให้ฟังด้วย แล้วยังมีน้องหน่อยวงภราดรอีกคน ที่คอยช่วยพานำชม
ลองไปชมกันดูนะคะ
ตอบลบโห!สาระเพียบ เคยผ่านไปแถวนั้น ต้องเข้าไปชมบ้างแล้วว
นึถึงเพลง ฉันคือประชาชน ของสหายสลวยครับ
ตอบลบ"ฉันคือประชาชน ผู้ดิ้นรนและฟันฝ่า...."
"เปิบข้าว ทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณต์ เหงือกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน ข้าวนี้น่ะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวขาว จากแรงมาเป้นรวงระยะทางนั้นเหยียดยาว จากรวงเป็นเม็ดข้าว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็น เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปลรวงมาเป้นกิน ..."
ตอบลบ"ชาวนา" เป็นผู้มีพระคุณที่ควรยกย่องเทิดทูน
ตอบลบ"ควาย" ก็เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของคนไทย
ที่ไม่ควรลืมบุญคุณเหมือนกันนิ
กินข้าวแต่ละคำ
อย่าลืมนึกถึง "ชาวนา"
และเจ้า "ควาย" เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของคนไทย
ใช่มั้ยคะ
กองทัพศิลปิน กำลังร้องประกาศให้ผู้คนเข้าใจถึงความเป็นสังคม สังคมที่ต้องพึ่งพิงอาศัยซึ่งกันและกัน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สูงไม่ต่ำเกินกัน ต่างช่วยเหลือเกื้อกูล มิใช่ชิงดีชิงเด่น เพื่อความสุขส่วนตัวของใครของมัน หากเป้นเช่นนั้น จะเรียกสังคมได้เช่นไร...เราจะขับเคลื่อนกงล้อไปพร้อมกัน... ใช่ไหมพี้น้องงงงงงง
ตอบลบถูกต้องจ้า
ตอบลบทุกชีวิตมีคุณค่าเหมือน ๆ กัน เท่า ๆ กัน
กะเทาะ "เปลือก" ออกให้หมด มอง "แก่น"
ต่างกันตรงไหน
สุดท้ายตายทุกตัว
เหมือนไก่ที่กำลังถูกส่งไปโรงฆ่า
จิกตีกัน เหยียบย่ำกัน เพื่อให้ตัวเองสูงสุด
สุดท้ายตายทุกตัวจริง ๆ อย่างที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้
อ้อ...
ตอบลบ"น้องบุญตาล" กับผองเพื่อน ก็ทำหน้าที่ขับเคลื่อน "กงล้อประวัติศาสตร์" ไป
พี่ขอเป็นฝ่ายทำหน้าที่ขับเคลื่อน "กงล้อแห่งธรรม" แล้วกันนะจ๊ะ
สวัสดีวันแรงงานไทย
ตอบลบขอบคุณพี่น้องแรงงานไทยทุกคน
ที่ช่วยทำงาน ก่อสร้าง แบกหาม
สร้างบ้าน สร้างถนน ฯลฯ ให้ค่า
(ช่วยให้วันนี้ได้หยุดงานด้วย..อิอิ)
แง๊ๆๆๆๆๆๆ >___< แล้วไมแรงงานแบบนู๋ มะได้หยุด
ตอบลบขอบคุณค่ะคุณน้องสำหรับความรู้
ตอบลบ