วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2550

ความสูญเปล่า ๗ ประการ (ของการเกิดมาเป็นมนุษย์) . . . โดย "ภูเตศวร"

Rating:★★★★
Category:Other







อ่านแล้วก็ต้องถามตัวเอง  
เราปล่อยให้เวลา  
ผ่านเลยมาอย่างสูญเปล่า  
หรือไม่  














ความสูญเปล่า ๗ ประการ
(ของการเกิดมาเป็นมนุษย์)

...........................................................    
ที่มา : "ภูเตศวร" กับ "ธรรมะ ๕ นาที"    
จาก : www.dhamma5minutes.com    
๒๙ กันยายน ๒๕๔๙    
............................................................  





          จำได้ว่าหลายฉบับก่อนช่วงปลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ได้เขียนถึง หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา กล่าวถึงหนังสืออนุสรณ์ ‘พระชัยวงศานุสติ’ อันมีชีวประวัติ และธรรมะอันพิสุทธิ์แสดงไว้ โดยผู้เขียนแนะนำให้ท่านทั้งหลายหามาอ่านเพื่อประโยชน์แห่งตนแล้วนั้น

          จากวันนั้นหนังสือจำนวน ๓๒๘ หน้าเล่มนั้นก็ถูกวางบนหัวเตียงตลอดมา เพราะงานสร้างวัดและงานส่วนตนเร่งรัดจนแทบไม่มีเวลาหยิบอ่าน จนเมื่อคืนก่อนนอนสติเตือนตน ‘พรุ่งนี้’ ต้องส่งต้นฉบับธรรมะ ๕ นาที ซึ่งเป็นธรรมดาที่ต้องลำดับความคิดล่วงหน้า ‘จะเขียนอะไรดี’

          พอนึกถึงเรื่องจะเขียนไม่ออกทำท่านอนไม่หลับ มือเลยควานหาหนังสือมาอ่านเพื่อช่วยให้ง่วง หนังสือของหลวงปู่จึงถูกหยิบมาอ่านอีกครั้ง เหมือนหลวงปู่ท่านดลใจเปิดพลิกเจอธรรมะที่โดนใจทันควัน

          สั้น กระชับ ได้ความคิดกระจ่าง

           ‘ความสูญเปล่า ๗ ประการ (ของการเกิดมาเป็นมนุษย์)’

          หลวงปู่ครูบาฯ ท่านมิได้กล่าวเกริ่นอะไรเยิ่นเย้อ ขึ้นหัวข้อและไล่อันดับหนึ่งถึงเจ็ด จาก จักขุสุญโญ, โสตะสุญโญ, หัตถะสุญโญ, ปาทะสุญโญ, มุกขะสุญโญ, กายะสุญโญ และอายุสุญโญ ตามลำดับทิ้งค้างไว้อย่างนั้น หากเมื่ออ่านเสร็จ ผู้พบผู้เห็นล้วนต้องถามตัวเอง

          เราเป็นผู้สูญเปล่าเช่นนั้นหรือไม่

          "ภูเตศวร" อ่านแล้วก็ต้องถามตัวเอง เราปล่อยให้เวลาผ่านเลยมาอย่างสูญเปล่าหรือไม่ เมื่อทบทวนแล้วสิ่งที่เหนื่อยยากทั้งปวงก็บรรเทา ความท้อแท้เหนื่อยหน่ายก็เบาบาง

          เมื่อได้ตรงนี้ ก็อยากบอกท่านทั้งหลายในฐานะ ‘ชาวพุทธ’ ควรสำรวจตนเองว่า วันนี้เราเป็นบุคคลผู้สูญเปล่าทั้ง ๗ ประการนี้หรือเปล่า

          ๑. จักขุสุญโญ – มีตาอันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีตาเสียเปล่า แต่ไม่มองดูพระพุทธรูป ไม่มองดูพระธรรม อันเป็นโอวาทของพระพุทธเจ้า ไม่มองดูนักปราชญ์บัณฑิต ไม่มองดูบุคคลอื่นผู้ทำบุญทำทาน ไม่มองดูที่ซึ่งเขาทำบุญ ไม่มองดูตระกูลของพ่อแม่ ไม่มองดูเหล่าพระสงฆ์ยามเที่ยวบิณฑบาต ไม่มองดูยาจกขอทานผู้มาขอ ไม่มองดูผู้รักศีลภาวนา คอยเล็งดูแต่กิจการของตน ไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น จึงได้ชื่อว่า ‘มีตาสูญเปล่า’

          ๒. โสตะสุญโญ-มีหูอันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีหูเสียเปล่า แต่ไม่ฟังพระธรรมเทศนาอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ฟังคำสั่งสอนของท่าน ไม่ฟังคำประเพณีเก่า ไม่ฟังท่านเล่าเรื่องกองบุญ ไม่ฟังคำคุณในชาติหน้า ไม่ฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ไม่ฟังบทบาทบาลี ผู้อื่นชักชวนทำบุญดี แต่ทำกึ่งหูหนวกไม่ได้ยิน จึงได้ชื่อว่า ‘มีหูอันสูญเปล่า’

          ๓. หัตถะสุญโญ-มีมืออันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีมือเสียเปล่า แต่ไม่ยกมือไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ไหว้บิดามารดาครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ไม่ควรถวายทำบุญใส่บาตรด้วยมือตน ไม่ถือลูกประคำภาวนาเจริญเมตตา จึงได้ชื่อว่า ‘คนมีมือสูญเปล่า’

          ๔. ปาทะสุญโญ-มีเท้าอันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีเท้าเสียเปล่า แต่ไม่เดินเข้าไปที่พระพุทธเจ้าอยู่เทศนาธรรม ไม่ไปทำบุญด้วยเท้าของตน ไม่เข้าไปหานักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้มีปัญญา ไม่เข้าไปในสถานที่ที่เขาทำบุญเป็นหมู่คณะ ไม่เข้าไปสู่วัดวาอาราม ท่านชักชวนทำบุญกลับเดินหนี จึงได้ชื่อว่า ‘คนมีเท้าสูญเปล่า’

          ๕. มุกขะสุญโญ-มีปากอันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีปากเสียเปล่า แต่ไม่ร่ำเรียน (ท่องบ่น) พุทธบทคาถา ไม่ร่ำเรียนกัมมัฏฐานภาวนาตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ถามทางเข้าสู่พระนิพพาน ไม่ชักชวนกันเข้าสู่พระวิหารเพื่อฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่พูดจาประสาธรรม คอยแต่กล่าววจีทุจริต จึงได้ชื่อว่า ‘คนมีปากสูญเปล่า’

          ๖. กายะสุญโญ-มีกายอันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีร่างกายเสียเปล่า แต่มัวเมาลุ่มหลงในกายตนซึ่งเป็นของไม่เที่ยง เฝ้าเลี้ยงดูแต่กาย ไม่ขวนขวายคุณงามความดีใส่ตัว เพราะมัวเมากับโลกสงสารตามอาการวิสัยคนเห็นผิดจากธรรม ทรัพย์สมบัติที่หามาได้มากมายน่าเสียดายถึงคราวตายก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง จึงได้ชื่อว่า ‘คนมีกายสูญเปล่า’

          ๗. อายุสุญโญ-มีอายุอันสูญเปล่า ได้แก่ บุคคลที่มีอายุเสียเปล่าแม้จะมีอายุยืนยาวสัก ๑๒๐ ปี แต่ไม่สนับสนุนให้ลูกหลานบวชเรียน ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ถวายกุฎีและเจดีย์ธาตุ ไม่ได้ให้อาวาสเป็นทาน ไม่ได้เขียนธรรมค้ำชูพระศาสนาให้สืบทอดต่อไปในภายหน้า ปล่อยใจไปตามเวลา จึงได้ชื่อว่า ‘คนมีอายุสูญเปล่า’

          ครับ ทั้งหมดคือความสูญเปล่า ๗ ประการที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ท่านพูดสั่งสอนลูกหลานและถูกบันทึกไว้ในหนังสือ ‘พระชัยวงศานุสติ’ ที่อยากให้ท่านทั้งหลายได้พบและอ่านหมดทั้งเล่ม


2 ความคิดเห็น: