วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้อเสนอผ่าทางตัน พันธมิตร-การเมืองใหม่ ด้วย ๑ ธง ๒ ทาง....โดย ธงไท เทอดอิศรา

Rating:★★★★★
Category:Other



ข้อเสนอผ่าทางตัน
พันธมิตร-การเมืองใหม่
ด้วย ๑ ธง ๒ ทาง....


โดย ธงไท  เทอดอิศรา

เมื่อ 23 เมษายน 2011 เวลา 9:59 น.



มุมหนึ่ง ใจกลางมหานคร....
ในวันคืนที่อากาศร้อนน้อยกว่าภายในใจของผู้คน...๒๒ เมษายน ๒๕๕๔

ถึง สุริยะใส และเพื่อนมิตร แห่งพรรคการเมืองใหม่


          ใน ฐานะพันธมิตร ของ พันธมิตรฯ ในนามแห่งมิตรร่วมรบในสมรภูมิราชดำเนิน มัฆวาน ทำเนียบ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ฯลฯ ในช่วง ๑๙๓ วัน จรดอรุณรุ่งแห่งขบวนมวลชนผู้บริสุทธิ์ ณ เวทีลีลาศสวนลุมพินีที่ให้กำเนิด ล่วงมาจนถึงกาลอุบัติของพรรคการเมืองใหม่ที่เสมือนหนึ่งทารกน้อยในครรภ์ของมวลชนเรือนหมื่นเรือนแสนก่อนจุติขึ้นอย่างทรนงท่ามกลางพายุฝนและสายฟ้าฟาด ที่สนามบอล ธรรมศาสตร์ รังสิต เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน...

          เรา จึงมีสิทธิที่จะคิด จะพูด จะเสนอความเห็นนี้ ทั้งต่อที่นี่ และที่สาธารณะ เพราะเราคือ ..ประชาชน ผู้ซึ่งเป็นทั้งเป้าหมาย และอุดมการณ์ ในการทำงานทางการเมืองของคุณและมิตรสหาย...

          เรา มีสิทธิที่จะให้ท้าย จะสนับสนุน จะคัดค้าน จะทัก จะท้วง..คุณ และเพื่อนมิตร อย่างเต็มกำลัง เพราะ ขณะนี้ นาทีนี้ หรือ วันพรุ่งนี้ จะมี ใคร ? ในขบวนฯ หลัง วิกฤติของพรรคการเมือง ที่เป็นทางเลือกของสังคมไทย ดังต่อไปนี้



ประการที่ ๑ 

ต้องเริ่มต้นจากความเชื่อ
อย่างบริสุทธ์ใจในเพื่อนมิตร

          “ หากคุณตัวสั่น เมื่อเผชิญหน้ากับ ความอยุติธรรม...เรา คือเพื่อนกัน” ( เช กูวารา ; นักปฏิวัติ และเพื่อนของนักปฏิวัติ) คุณลองเงยหน้าขึ้นช้าๆและมองไปรอบตัว เพ่งพินิจ คิดช้าๆ ถามตัวเองว่า คนเหล่านี้ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? เขามาทำอะไร ? มองลึกลงไปในก้นบึ้งหัวใจ..ลึกลงไปว่างานประจำที่เขาทำอยู่เป็นนิจ ...ลึกลงไปจนถึงความคิด และจิตใจ...ไม่ว่าเขาจะเป็นพนักงานสำนักงาน เธอจะเป็นเลขาฯ แม่ค้าขายกล้วยปิ้งข้างถนนที่ประชาชนมาชุมนุม เป็นนักดนตรี แม่ยกหน้าเวที การ์ด หรือแม้แต่แกนนำ ไม่ว่ารุ่นไหนก็ตาม...

          มองให้เห็นเพื่อน ให้รู้สึกว่าเค้าเป็นมิตร ให้เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจในสิ่งที่เขาคิด เขาเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นที่ต่างจากคุณแค่ไหนก็ตาม...




ประการที่ ๒ 

ต้องชื่นชมความขัดแย้งแตกต่าง
อย่างสร้างสรรค์

          ไม่ว่าศาสตร์แห่งโลกตะวันตกนับแต่ปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษวิธี ที่รุ่งโรจน์มากว่า ศตวรรษ กึ่ง จนถึงทฤษฏีสัมพัทธภาพที่มีพลานุภาพเปลี่ยนโลกได้ ล้วนยอมรับว่า สรรพสิ่งล้วนดำรงอยู่ได้ทั้งยังมีพลวัฒน์จากความขัดแย้ง และ เอกภาพของด้านตรงข้ามความขัดแย้งนั้นๆ ....สายลมพัดใบไม้ไหว ปลาเป็นว่ายทวนน้ำเสมอ....ไม่มีระบอบการเมืองใดจะสร้างความสุขแก่ผู้คนได้ในแบบเบ้าหลอมเดียว...

          พรรคการเมืองใดที่อยู่ได้ เติบโตได้ ในท่ามกลางความแตกต่างทางความคิด มีทักษะในการจัดการกับความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ มีขีดความสามารถในการบริหารความแตกต่างหลากหลายอันงดงามเพราะสะท้อนจิตวิญญาณอันเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค พรรคการเมืองนั้นคือความหวังในการเป็นตัวแทนผู้เสนอตนในการนำพาแก้ปัญหาของบ้านเมืองที่ล้วนมีปมสลับซับซ้อน

          พรรคการเมืองใดไม่สามารถแสดงวุฒิภาวะทางอารมณ์ ข่มจิตด้านมืด ขจัดโมหะ โทสะ และโลภะ เห็นเพื่อนมิตรเป็นศัตรู มิอาจเรียนรู้จากความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ไม่อาจสลายความขัดแย้งอันเกิดแต่ความแตกต่างทางความคิดในหมู่มิตรสหาย ไม่รู้จักท่าทีถนอมรัก ยอ่มมิอาจปักใจให้เป็นกองหน้าทางการเมืองภาคประชาชนได้แม้เพียงนาทีเดียว




ประการที่ ๓ 

ข้อเสนอในวันที่ ๒๔ เมษายนนี้...
“ ๑ ธง ๒ ทาง ” ....

          พรรคการเมืองใหม่ ถือได้ว่า เป็นผลิตผลจากการต่อสู้ของขบวนการภาคประชาชน นั่นหมายถึงไม่มีเหตุผลใด ที่ลูกจะทำร้ายแม่ หรือ แม่จะเข่นฆ่าลูก ให้ตายตกไปตามกัน เพียงแค่มีความเห็นในประเด็นสาธารณะที่แตกต่างกัน

          เมื่อ ขบวนพันธมิตรฯ คิดเรื่องบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ ปักใจชู “ ธงปฏิรูป” กวาดล้าง สภา ๕๐๐ และ มุ่งเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ แก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยการคลี่ปมแรกที่มัดแน่นนี้ให้ได้ด้วยหัวใจพิสุทธิ์

          แล้วใย พรรคการเมืองใหม่ ที่คิดเรื่องบ้านเมืองเป็นใหญ่ เช่นกัน เห็นปัญหา ประเด็นเดียวกัน จะหันมาชูธงผืนเดียวกัน ชูคำขวัญ “ปฏิรูปการเมืองทั้งระบบ” อย่างถึงรากถึงโคน โค่นการเมืองเก่า...เช่นนี้ เป็นนโยบายลูกโดด สละทิ้งข้อเสนอนโยบายอื่นใดทั้งสิ้น ชูธงผืนเดียวกับแม่ให้สูงเด่น เป็นเอกภาพ เป็นหนึ่งเดียว หายใจจังหวะเดียวกันในสนามรบทางการเมืองเบื้องหน้า....

          เป็นหนึ่งเดียว เป็นเอกภาพ มีพลัง สร้างสรรค์ งดงาม ...ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง....

          เมื่อเห็นธงผืนเดียวกัน ปักใว้ที่ปลายทาง...จะไปถึงได้อย่างไร ? คนม้งถนัดเดินตามสันภู กะเหรี่ยงชอบเดินตามร่องห้วยหุบภู...ใครถูกผิด ? ถึงที่หมายได้เช่นกัน ถนัดคนละอย่าง เชี่ยวชาญคนละแบบ บทบาทคนละด้าน...ใยต้องมาข่มขืนใจกันให้ไปในทางเดียวกัน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น..

          มีสองทางเลือก ดีเสียอีก กับพวกผม เพื่อนมิตรไง..ภาคี ความร่วมมือ แนวร่วม พันธมิตร ของ พันธมิตร ไง...คนสิบล้านคนที่เป็นกองเชียร์ไง...ไม่ใช่ พันธมิตรฯ ไม่ใช่พรรคการเมืองใหม่...เขาอยากไปด้วยได้ไหม ? เขาจะได้เลือกเดิน ตามจริตของเขา เขาอยากโหวตโน ก็ทำได้...เขาเสียดายสิทธิของเขา เราก็มีทางเลือกให้เขา มีพรรคดี นักการเมืองดี ให้เป็นตัวเลือก...ได้ทั้งสองทาง ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง....

          แต่ถ้าทั้ง พธม. และ กมม. เอาแต่จะทะเลาะกัน เอาชนะคะคานกัน กูเก่ง กูแน่ กูถูกหมด มึงต้องเอาตามกู เพียงแค่นั้น....จะต่างกับพรรคการเมือง ที่มีอยู่นี้อย่างไร ?

          ท้ายที่สุด ทั้ง พธม. และ กมม. ก็จะถูกสังคมทอดทิ้ง ไม่เหลียวแล ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ?




          วันที่ ๒๔ เมษายนนี้ ฝันว่าจะมีใครสักคนในสองกลุ่มนั้น ที่กล้าหาญพอ กล้าเสนอความเห็น เพื่อความเป็นเอกภาพของขบวนการประชาชน กับ พรรคการเมืองของประชาชน ชูธงผืนเดียวกันให้สูงสง่าอย่างทรนง รณรงค์เรื่องเดียวกัน เนื้อหาเดียวกัน...ปฏิรูปการเมืองทั้งระบบ คือ.....

          เพียงแต่เสนอทางเลือกการก้าวเดินใว้ทั้งสองทาง อย่าคิดถึงแต่กลุ่มพวกตนอย่างคับแคบ คิดถึง กลุ่มอื่น ที่เขาต้องการปฏิรูปด้วย แต่คุณจะไปบังคับขืนใจให้เขาไปในทางที่คุณกำหนดเพียงทางเดียว ถ้าเขาไม่ชอบทางนั้น เขาไม่ไป คุณก็จะสูญเสีย “พลังเงียบ” ไป อย่างน่าเสียดาย...

          ต้องเอาประเด็นเป้าหมายเป็นเรื่องใหญ่ มิใช่เอากลยุทธ์เป็นตัวตั้ง....

          หวังว่า จะมีคนกล้า มาชี้ทางออกตามข้อเสนอนี้...

          “ ๑ ธง ๒ ทาง ”

          ขอเป็นกำลังใจ ให้พ้นจากม่านหมอกโดยเร็ว.


                                                                             ด้วยจิตคารวะ

                                                                             ธงไท  เทอดอิศรา






ที่มา : บันทึกจากเฟซบุ๊กธงไท เทอดอิศรา







3 ความคิดเห็น:

  1. และมันก็เลยวันนั้นมาแล้ว.........

    ตอบลบ
  2. แยกกันไป มารวมกันใหม่เมื่อมันกลับมา

    ตอบลบ
  3. เฮ่อ !!

    พี่น้องเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

    ตอบลบ