Rating: | ★★★★★ |
Category: | Other |

วันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และวันชาติของไทย

Doodle ชิ้นนี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อรวมฉลองวันครบรอบวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งวันนี้ยังถือเป็นวันชาติของประเทศไทยอีกด้วย โดยดูเดิลชิ้นนี้ออกเเบบโดยใช้สีเเบบเดียวกับธงชาติไทยคือ เเดง ขาว น้ำเงิน โดยในตำเเหน่งของตัว g นั้นถูกเเทนที่ด้วยเเผนที่ประเทศไทยสีน้ำเงิน อันหมายถึงเป็นสิ่งรวมกันระหว่างวันเฉลิมพระชนมพรรษาเเละวันชาติ
ข้อมูลจำเพาะ : Doodle เเสดงในวันที่ 5 ธันวาคม 2553 (5 December 2010)
ประเทศที่เเสดง Doodle : ประเทศไทย
หัวข้อ : วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและวันชาติของไทย
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก Doodle นี้
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาน์ออเบิอร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) รัฐแมสซาชูเชตต์ (Massachusetts) สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์เดือนอ้าย ขึ้น 12 ค่ำ ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี) และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล ทรงเข้ารับการศึกษาชั้นต้น ณ โรงเรียนมาแตร์เดอี กรุงเทพฯ จนถึง พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา และมหาวิทยาลัยโลซานน์ ในแขนงวิชาวิทยาศาสตร์
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เสด็จสวรรคต เดิมทีพระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ว่าจะครองราชสมบัติเพียงชั่วระยะเวลาจัดงานพระบรมศพพระบรมเชษฐาให้สมพระเกียรติ เพราะขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมพรรษา 18 พรรษาเศษ ไม่เคยเตรียมพระองค์เพื่อดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์มาก่อนเลย แต่ด้วยความจงรักภักดีของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ที่มีต่อพระองค์อย่างแน่นแฟ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา แต่เนื่องจากยังมีพระราชกิจด้านการศึกษา จึงเสด็จกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อทรงศึกษาต่อ และทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมายและรัฐศาสตร์ แทนวิชาวิทยาศาสตร์ ที่ทรงศึกษาอยู่เดิม
เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในวันเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาวิชาการเพิ่มเติม เมื่อกลางเดือนสิงหาคม พ.ศ.2489 ระหว่างประทับรถพระที่นั่งไปสู่สนามบินดอนเมือง พระองค์ทรงได้ยินราษฎรคนหนึ่งตะโกนลั่นว่า “ในหลวง อย่าทิ้งประชาชน”
พระองค์ทรงนึกตอบบุคคลผู้นั้นในพระราชหฤทัยว่า”ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร”
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปประมาณ 20 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพบชายผู้ตะโกนทูลพระองค์ในครั้งนั้น เมื่อคราวเสด็จเยี่ยมราษฎรในต่างจังหวัด ชายผู้นั้นกราบบังคมทูลว่า ที่เขาร้องเช่นนั้น เพราะรู้สึกว่าเหว่และใจหายที่พระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จไปจากเมืองไทย เขาเห็นพระพักตร์เศร้ามาก จึงร้องไปเหมือนคนบ้า พระเจ้าอยู่หัวทรงตอบว่า “นั้นแหละ ทำให้เรานึกถึงหน้าที่ จึงต้องกลับมา”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง เฉลิมพระบรมนามาภิไธย ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” และพระองค์ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่หัวใจของชาวไทยทุกดวงแล้วว่า พระองค์ได้ทรงอุทิศทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ และกำลังความคิดในการประกอบพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ เพื่อความผาสุกของพสกนิกรของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งเสริมอาชีพ การเกษตร การอุตสาหกรรม การศึกษา การสาธารณสุข และการต่างประเทศ ฯลฯ
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังได้เสด็จออกไปเยี่ยมเยียนราษฎรในถิ่นทุรกันดารเพื่อความรับทราบความ เดือดร้อนและปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยพระองค์เอง ในคราวที่เกิดสาธารณภัยต่าง ๆ ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ น้ำท่วม ลมพายุพัดบ้านเรือนราษฎรให้ได้รับความเสียหาย พระองค์จะทรงห่วงใยและอาทรในความเดือนร้อนของพวกเขาเหล่านั้น ทรงรับสั่งให้มีการช่วยเหลือและพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นการ ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
กด like ที่ไหนเนี่ยพี่เจี๊ยบ
ตอบลบในหลวงไทย เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก
เป็นที่รักของคนทั้งโลก
แล้วทำไมบางคน ที่เป็นคนไทย.... มันถึงไม่สำนึกบ้าง?
๕๕๕ !!!
ตอบลบจัดให้
กดเลยจ้า
อาจจะสำนึกได้ตอนลมหายใจสุดท้าย
ตอบลบ