Rating: | ★★★★★ |
Category: | Other |
“มีคำเล่าว่าสมัยแต่งอุปปาตะสันตินั้น
ที่เชียงใหม่มีโจรผู้ร้าย
และคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ
มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเทือนอยู่เสมอ
พระสีละวังสะจึงให้พระสงฆ์
สามเณร และประชาชน
พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ
เพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี”
คัมภีร์อุปปาตะสันติ
อุปปาตะสันติ แปลว่า บทสวดสงบเคราะห์กรรม หรือบทสวดสงบอันตราย บทสวดสงบเหตุร้าย และบทสวดสงบสิ่งกระทบกระเทือน
คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณคดีบาลีลานนาไทย เป็นคัมภีร์ไทย แต่งที่เชียงใหม่ สมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. ๑๘๙๓ ถึง พ.ศ. ๒๓๑๐ ผู้แต่งคือพระสีลวังสะมหาเถระ
สมัยหนึ่งเชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและอันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายอยู่เสมอ พระสีละวังสะมหาเถระจึงให้พระสงฆ์ สามเณร และประชาชน พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อสงบเหตุร้ายให้กลายเป็นดี
ต่อมาต้นฉบับคัมภีร์อุปปาตะสันติได้หายจากเมืองไทยไปอยู่ที่พม่า ชาวพม่าเลื่อมใสคัมภีร์นี้ ถือว่าเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ นิยมสวดกันมาก และในที่สุดได้มีการนำคัมภีร์เก่าแก่นี้กลับคืนมาเมืองไทย คนไทยจึงได้กลับมาสวดและฟังอุปปาตะสันติอีกครั้ง
เรื่องราวที่กล่าวถึงในคัมภีร์อุปปาตะสันติที่สำคัญมี ๓ ประการ คือ ๑. สันติ หรือ มหาสันติ (ความสงบ) ๒. โสตถิ (ความสวัสดี ความปลอดภัย) ๓. อาโรคะยะ (ความไม่มีโรค)
เชื่อกันว่า คัมภีร์อุปปาตะสันติ มีความศักดิ์สิทธ์มาก ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมพบกับความสุขสงบ ปลอดภัย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ชนะเหตุร้ายทั้งปวง และสิ่งที่ร้ายจะกลับกลายเป็นดี
ลองอ่านประวัติย่อของคัมภีร์อุปปาตะสันติที่คัดลอกมาให้อ่านต่อไปนี้
คำชี้แจงเรื่องอุปปาตะสันติ
คัมภีร์อุปปาตะสันติภาษาบาลีนี้ มีคำชี้แจงเพื่อทราบประวัติย่อต่อไปนี้ ๑. อุปปาตะสันติ แยกเป็น ๒ คำ คือ อุปปาตะ คำ ๑ และ สันติ คำ ๑ อุปปาตะ แปลว่า เคราะห์กรรม แปลว่าอันตราย แปลว่าเหตุร้าย และแปลว่าสิ่งกระทบกระเทือน
อุปปาตะสันติ แปลว่า บทสวดสงบเคราะห์กรรม แปลว่าบทสวดสงบอันตราย แปลว่าบทสวดสงบเหตุร้าย และแปลว่าบทสวดสงบสิ่งกระทบกระเทือน
๒. คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นวรรณคดีบาลีลานนาไทย พระสีลวังสะมหาเถระแต่งที่เชียงใหม่สมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. ๑๘๙๓ ถึง พ.ศ. ๒๓๑๐ เป็นคาถาล้วนจำนวน ๒๗๑ คาถา จัดเข้าในหนังสือประเภท “เชียงใหม่คันถะ” คือคัมภีร์เชียงใหม่ มีอายุประมาณ ๖๐๐ ปีเศษแล้ว
มีคำเล่าว่าสมัยแต่งอุปปาตะสันตินั้น ที่เชียงใหม่มีโจรผู้ร้ายและคนอันธพาลชุกชุมผิดปกติ มีเหตุร้ายและสิ่งกระทบกระเทือนอยู่เสมอ พระสีละวังสะจึงให้พระสงฆ์ สามเณร และประชาชน พากันสวดและฟังอุปปาตะสันติ เพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี มีผู้เลื่อมใสคัมภีร์นี้มาก และถือว่าเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
ต่อมาชาวพม่ามีความเลื่อมใส นำคัมภีร์นี้เข้าไปในประเทศพม่า เข้าใจว่านำเข้าไปที่เมืองอังวะก่อนแล้ว แพร่หลายไปทั่วประเทศพม่าสมัย ๕๐๐ ปีที่ล่วงแล้ว ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์และประชาชนถือว่า คัมภีร์อุปปาตะสันติ มีความศักดิ์สิทธ์มาก นิยมท่อง นิยมสวด และนิยมฟังกันอย่างกว้างขวาง มีคำเล่าว่า สมัยหนึ่งพวกจีนมาตีเมืองอังวะประเทศพม่า ชาวพม่าทั้งพระสงฆ์ ข้าราชการ ประชาชน พากันสวดคัมภีร์อุปปาตะสันติ พวกจีนได้ฟังอุปาตะสันโฆษณา คือเสียงกึกก้องของอุปปาตะสันติ ก็มีความกลัว พากันหนีกลับไป
๓. บุคคลและสภาวะที่อ้างถึงในคัมภีร์อุปปาตะสันติมี ๑๓ ประเภท คือ (๑) พระพุทธเจ้าอดีต ๒๘ พระองค์ (๒) พระพุทธเจ้าอนาคต ๑ พระองค์ คือ พระเมตไตรย (๓) พระปัจเจกพุทธเจ้า (๔) โลกุตตรธรรม ๙ และพระปริยัติธรรม ๑ (๕) พระสังฆรัตนะ (๖) พระเถระ คือพระสงฆ์ชายชั้นผู้ใหญ่ ๑๐๘ องค์ (๗) พระเถรี คือพระสงฆ์หญิงชั้นผู้ใหญ่ ๑๓ องค์ (๘) พระยานาค (๙) เปรตบางพวก (๑๐) อสูร (๑๑) เทวดา (๑๒) พรหม (๑๓) บุคคลประเภทรวม เช่น เทวดา ยักษ์ ปิศาจคือผี ที่ทำสิ่งใดๆ อย่างโลดโผน และวิชชาธรหรือพิทยาธร สันสกฤตเป็นวิทยาธร ภาษาอังกฤษเรียกพวกเซอเร่อ คือพ่อมด แม่มด หรือผู้วิเศษ พวกวิชชาธร เป็นพวกรอบรู้เรื่องเครื่องรางต่าง ๆ และเป็นผู้รู้เรื่องต่าง ๆ และเป็นผู้รู้เรื่องเสน่ห์ต่างๆ สามารถไปทางอากาศได้
เรื่องราวเย็นอกเย็นใจที่สังคมมุ่งหวังและเสาะแสวงหาที่กล่าวถึงในคัมภีร์อุปปาตะสันติมีประการที่สำคัญ ๓ อย่าง คือ
๑. สันติ หรือมหาสันติ ความสงบ ความราบรื่น ความเยือกเย็น ความไม่มีคลื่น
๒. โสตถิ ความสวัสดี ความปลอดภัย ความเป็นอยู่เรียบร้อยหรือตู้นิรภัย
๓. อาโรคะยะ ความไม่มีสิ่งเป็นเชื้อโรค ความไม่มีโรค หรือความมีสุขภาพสมบูรณ์
คัมภีร์อุปปาตะสันติ มีข้อความขอความช่วยเหลือ ขอให้พระรัตนตรัยและบุคคล พร้อมทั้งสิ่งทรงอิทธิพลรวม ๑๓ ประเภท ดังกล่าวแล้วนั้นช่วยสร้างสันติหรือมหาสันติ ช่วยสร้างโสตถิและอาโรคะยะ ช่วยปรุงแต่งสันติ ช่วยปรุงแต่งโสตถิและอาโรคะยะ ขอให้ช่วยรวมสันติ รวมโสตถิและรวมอาโรคะยะ และขอให้ช่วยเป็นตู้นิรภัยคุ้มครอง และกำจัดเหตุร้ายอันตรายหรือสิ่งกระทบกระเทือนต่างๆ อย่าให้เกิดมีในตน ในครอบครัวในหมู่คณะ หรือในวงงานของตน และในวงงานของคนอื่นทั่วไป
๔. การสวดและการฟังอุปปาตะสันติ มีคุณประโยชน์ตามที่กล่าวไว้ในท้ายคัมภีร์นั้น ดังนี้
ก. ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมชนะเหตุร้ายทั้งปวงได้ และจะมีวุฒิภาวะ คือ ความเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ
ข. ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมได้ประโยชน์ที่ตนต้องการ คือ ผู้ประสงค์ความปลอดภัย ย่อมได้ความปลอดภัย คนอยากสบาย ย่อมได้ความสุข คนอยากมีอายุยืน ย่อมได้อายุยืน คนอยากมีลูก ย่อมได้ลูกสมประสงค์
ค. ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ ย่อมไม่มีโรคลมเป็นต้นมาเบียดเบียน ไม่มีอะกาละมรณะ คือความตายยังไม่ครบเทอม ทุนนิมิตร คือลางร้ายต่าง ๆ ย่อมละลายหายไป
ง. ผู้สวดหรือผู้ฟังอุปปาตะสันติ เมื่อเข้าสนามรบ ย่อมชนะข้าศึกทั้งปวง และแคล้วคลาดจากอาวุธทั้งปวง
๕. เดชของอุปปาตะสันติ การสวดอุปปาตะสันติเป็นประจำ ย่อมมีเดชดังนี้
(๑) อุปปาตะ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน อันเกิดจากแผ่นดินไหวเป็นต้น ย่อมพินาศไป (ปะถะพะยาปาทิสัญชาตา)
(๒) อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน อันเกิดจากดุ้นฟืนที่ไฟกำลังคุตกจากอากาศ หรือเกิดจากดาวตก ย่อมพินาศไป (อุปปาตา จันตะลิกขะชา)
(๓) อุปปาตะ คือ คือเหตุร้ายหรือสิ่งกระทบกระเทือน อันเกิดจากความมีจันทรุปราคาหรือสุริยุปราคา เป็นต้น ย่อมพินาศไป (อินทาทิชะนิตุปปาตา)
๖. คัมภีร์อุปปาตะสันติ เป็นคัมภีร์ไทย แต่ต้นฉบับได้จากเมืองไทยไปอยู่เมืองพม่าเสียนาน จนแทบกล่าวได้ว่าคนไทยรุ่นหลัง ๆ ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยมีใครได้ยินแม้แต่ชื่อ ข้าพเจ้าจึงชำระและจัดพิมพ์เป็นอักษรไทย ด้วยวิธีเขียนให้คนอ่านคำบาลีได้ทั่วไปสำหรับต้นฉบับนั้นข้าพเจ้ามีแต่ฉบับเมืองพม่าและเป็นอักษรพม่า โดย ท่านอาจารย์ธัมมานันทะ ธัมมาจริยะ ครูพระไตรปิฎกประจำวัดโพธาราม ได้กรุณาถวาย ซึ่งข้าพเจ้าขอขอบคุณอย่างยิ่งไว้ในที่นี้
การที่ข้าพเจ้าได้ชำระและจัดพิมพ์อุปปาตะสันติ เป็นอักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรกนี้ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นการนำคัมภีร์ไทยโบราณกลับคืนมาเมืองไทย เพื่อให้คนไทยได้รู้จักได้ศึกษาและได้สวดได้ฟัง ให้เกิดประโยชน์ทางสันติ ทางโสตถิ และทางอาโรคะยะสืบไป
ในที่สุดนี้ข้าพเจ้าขอถือโอกาสเชิญชวนมวลพุทธศาสนิกชนชาวไทย พร้อมกันยกมือสาธุแสดงความชื่นชมโสมนัสต่อการกลับมาโดยสวัสดี ของคัมภีร์อุปปาตะสันติ โดยทั่วกันทุกท่าน เทอญ ฯ
พระเทพเมธาจารย์
วัดโพธาราม ปากน้ำโพ
๗ สิงหาคม ๒๕๐๕
ที่มา คัดลอกจากหนังสือ “อุปปาตะสันติ” ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพนางประเทือง พยัฆวิเชียร ณ เมรุวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร วันเสาร์ที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙
ฟังเสียงบรรยายประวัติย่อและเสียงสวดมนต์
“อุปปาตะสันติ” หรือ “มหาสันติงหลวง”
โดย คณะสงฆ์วัดราชผาติการาม กรุงเทพฯ
ได้ที่
http://mantra.at.co.th/chanting/ooppasanti/ooppatasanti.wma
ดาวน์โหลดไฟล์เสียง “อุปปาตะสันติ”
โดยหลวงปู่ธัมมานันทมหาเถระ วัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง
ได้ที่
http://www.wattamaoh.com/sound/04อุปปาตสันติ%20พระธัมมานันทมหาเถระ.mp3
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบสาธุ สาธุ สาธุ เป็นที่ชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง
ตอบลบด้วยเดชแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ทั้งปวง
ขอความสวัสดีมีมงคล ความมั่งคั่งร่ำรวย
ความมีอนามัยดี มีอายุยืน และสมประสงค์ในสิ่งที่หวัง
จงประสบแด่ท่านและครอบครัว
อนุโมทนา
ตอบลบสาธุค่ะ