วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

พรปีใหม่ ๒๕๕๒ จาก "อุปปาตะสันติ"


 


          ข้อความที่ยกมา คัดลอกจากคัมภีร์ อุปปาตะสันติหรือ มหาสันติงหลวง วรรณคดีบาลีล้านนาไทย
          คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่า เป็นคาถาสงบเคราะห์กรรม ระงับเหตุร้ายหรือภยันตราย หรือเพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี

          คัมภีร์
อุปปาตะสันติรจนาโดยพระสีลวังสะมหาเถระ ที่เชียงใหม่ ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา (ระหว่าง พ.ศ. ๑๘๙๓ ถึง พ.ศ. ๒๓๑๐) และต้นฉบับได้หายไปจากเมืองไทยไปอยู่ที่พม่า ชาวพม่าเลื่อมใสในคัมภีร์นี้ นิยมสวดและฟังกันมาก

          ต่อมาเจ้าคุณธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตะปัญโญ) ป.ธ.๙ วัดมหาโพธาราม ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ได้ชำระคัมภีร์นี้เป็นภาษาบาลีอักษรไทย โดยได้ต้นฉบับภาษาบาลีอักษรพม่าจากท่านพระอาจารย์ภัททันตะ ธัมมานันทมหาเถระ แห่งวัดท่ามะโอ จังหวัดลำปาง นับว่าเป็นการนำคัมภีร์ของล้านนาไทยโบราณกลับคืนมาสู่เมืองไทย และเผยแพร่ให้ชาวไทยในยุคปัจจุบันได้รู้จัก

         
ปีใหม่นี้ อยากให้ทุกคนที่ยังไม่เคยฟังไม่เคยสวดมนต์บทนี้ ได้ลองฟังหรือลองสวดกันดูบ้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล และความสงบสุข และระงับจากภยันตรายทั้งปวง

         
ขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์โปรดประทานความสงบอันประเสริฐ ความสวัสดี ความไม่มีโรค แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด

         
สาธุ สาธุ สาธุ


 


 



 

 


 


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอความนอบน้อมของข้าพเจ้า
จงมีแด่พระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


 


 


       


ขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์
โปรดประทาน
ความสงบอันประเสริฐ
ความสวัสดี
ความไม่มีโรค
อายุ ความสุข กำลัง
และชัยชนะ
แก่พวกข้าพระองค์ ในกาลทุกเมื่อเถิด


 


โปรดคลิก....ที่ภาพแต่ละภาพข้างล่าง
เพื่อรับพรศักดิ์สิทธิ์
เป็นของขวัญปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๒
จาก
คุณหวานเจี๊ยบ


 

วัตถุตตะยัสสะ โย ยัตถะ สังวัณเณติ คุณุตตะเม
ตัสสะ ตัตถะ สุขาโรคะยะ โสตถิโย โหนติ สัพพะทา.

ณ ที่ใด
มีผู้กล่าววาจาสรรเสริญพระคุณอันประเสริฐ
ของพระรัตนตรัย ด้วยจิตที่เลื่อมใส
ณ ที่นั้น
ความสุข ความสบาย และความสวัสดี
ย่อมมีแก่ผู้นั้นตลอดกาลทุกเมื่อ


 


(คัดลอกจากคัมภีร์ อุปปาตะสันติหรือ มหาสันติงหลวง
คาถาสวดเพื่อกลับความร้ายให้กลายเป็นความดี
สงบเคราะห์กรรม ระงับเหตุร้ายหรือภยันตราย
รจนาโดยพระสีลวังสะมหาเถระ ที่เชียงใหม่
สมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. ๑๘๙๓ ถึง พ.ศ. ๒๓๑๐)


 


วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

“กฤดาภินิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”

Rating:★★★★★
Category:Other



กฤดาภินิหาร

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช



 


เรียบเรียงโดย...วีรวรรณ วิรุฬหผล
คัดลอกโดย....ง้วนดิน


 






 กฤดาภินิหารในวัยเยาว์



         
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระราชสมภพนั้น ทรงเป็นทารกชายที่มีรูปพรรณงดงามยิ่งนัก ดังปรากฏในสมุดไทย
(สมุดไทยว่าด้วยเรื่อง อภินิหารบรรพบุรุษ เป็นสมุดไทยกระดาษข่อยขาว เขียนด้วยตัวหมึก รวม ๒ เล่ม) ว่า


          โดยลักษณะกุมารนั้นเป็นจัตุรัสกาย คืออธิบายว่า วัดตั้งแต่เท้าถึงศูนย์สะดือเป็นมัชฌิมะกายได้ส่วนหนึ่ง แลวัดตั้งแต่ศูนย์สะดือถึงผมตกแห่งหน้าผากเป็นส่วนหนึ่ง แลวัดตั้งแต่ศูนย์อุระราวถันไปถึงปลายนิ้วมือข้างซ้ายเป็นส่วนหนึ่ง ข้างขวาเป็นส่วนหนึ่ง ทั้ง ๔ ส่วนนั้นยาวเสมอเท่ากันไม่ก้ำเกิน ที่สะดือนั้นเป็นหลุมลึกลงไปพอจุผลหมากสงทั้งเปลือกผิดกับสามัญชนทั้งหลาย จึงว่าเป็นลักษณะจัตุรัสกาย คือรูปสิริกายเป็นส่วนสี่เหลี่ยมดุจดังพระพุทธลักษณะแห่งองค์สมเด็จพระสมณโคดม

          วันนั้น ขณะที่ทารกน้อยกำเนิด ท้องฟ้าสดใสปราศจากเมฆหมอกและฝน แต่กลับเกิดอสุนีบาตฟาดลงมาที่เสาดั้งของเรือนที่คลอด และหามีผู้ใดเป็นอันตรายไม่ เหตุอัศจรรย์ดังนี้ กล่าวกันว่า เกิดด้วยบารมีแห่งพระองค์ที่จะได้ดำรงพระมหาเศวตฉัตรเป็นพระเจ้าแผ่นดิน

          ครั้นเมื่อเกิดได้ ๓ วัน มีงูเหลือมใหญ่เข้าไปขดเป็นทักษิณาวรรตอยู่ในกระด้งโดยรอบกาย เมื่อบิดามารดามาพบก็มีความวิตกกังวลยิ่งนัก เพราะตามความเชื่อของจีน แสดงถึงเหตุร้ายควรต้องเอาเด็กไปฝังทั้งเป็น เมื่อเจ้าพระยาจักรี ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันทราบความ ก็มีจิตกรุณาขอเด็กน้อยไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม  นับตั้งแต่นั้นท่านก็มั่งคั่งด้วยลาภและทรัพย์สิน จึงเรียกเด็กน้อยว่า สิน

          เรื่องราวอันมหัศจรรย์เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง เมื่อเด็กชายสินมีอายุได้ ๑๓ ปี ได้ตั้งบ่อนถั่วขึ้นในวัดโกษาวาส โดยตั้งตนเป็นเจ้ามือ และมีบรรดาสานุศิษย์ในวัดพากันมาแทงถั่ว เมื่อพระอาจารย์ล่วงรู้ก็ลงโทษศิษย์ทั้งหลายที่เล่นแทงถั่วนั้น

          เด็กชายสินผู้เป็นเจ้ามือถูกลงโทษเพื่อประจานสั่งสอนให้เข็ดหลาบ ด้วยการมัดมือคร่อมกับบันไดท่าน้ำ ปล่อยให้ร่างแช่อยู่ในน้ำตั้งแต่เวลาพลบค่ำนั้น แล้วพระอาจารย์ก็ไปสวดมนต์

          ครั้นสวดมนต์เสร็จ เวลาล่วงเข้ายามเศษ พระอาจารย์จึงระลึกได้ว่าได้มัดเด็กชายสินแช่น้ำไว้ ทั้งยังเป็นเวลาน้ำขึ้นด้วย พระอาจารย์จึงรีบไปที่ท่าน้ำพร้อมพระสงฆ์ เห็นน้ำท่วมจนกลบตลิ่ง จึงช่วยกันจุดไต้ตามไฟเที่ยวส่องหา ก็พบว่า เด็กชายสินติดอยู่ริมตลิ่ง มือยังมัดติดอยู่กับบันไดซึ่งหลุดถอนออกมาจากท่าน้ำ เมื่อบรรดาพระสงฆ์ได้ช่วยแก้มัดเด็กชายสินขึ้นมา ก็พบว่ามิได้รับอันตรายแต่อย่างใด หากเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งนักที่รอดชีวิตมาได้


 


 


 





 กฤดาภินิหารเมื่อเป็นกษัตริย์



เผชิญพายุกลางทะเล

          พ.ศ. ๒๓๑๒ สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงยกกองทัพเรือไปตีเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อกองทัพเรือไปถึงบางทะลุ เกิดพายุคลื่นลมหนัก เรือรบกองหลวงกองหน้าแตกกลุ่ม ต่างต้องเข้าหาที่กำบังอยู่ในอ่าว พระองค์จึงทรงให้ปลูกศาลเพียงตาขึ้น พร้อมพระราชทานเครื่องกระยาสังเวยบวงสรวงเทพารักษ์ ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน เอาพระบารมีแต่บุพชาติและปัจจุบันเป็นที่ตั้ง ด้วยพระกฤดาธิการ คลื่นลมก็สงบลงเป็นอัศจรรย์





ทรงขอฝน

          พ.ศ. ๒๓๑๓ สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงยกทัพหลวงขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ ประทับรอนแรมไปทางสถลมารคจนถึงบ้านกุ่มเหลือง ทรงหยุดตั้งค่ายประทับ เวลานั้นเป็นช่วงคิมหันตฤดูกันดารด้วยน้ำ ผู้นำทางจึงกราบทูลว่า แต่เชิงเขาข้างนี้ไปลงเขาข้างหน้าเป็นระยะไกลถึง ๓ เส้น จะกันดารน้ำยิ่งนัก พระองค์จึงมีพระราชดำรัสว่า

          อย่าปรารมภ์เลย เป็นภารธุระแห่งเรา ค่ำวันนี้อย่าตีฆ้องยาม จงกำหนดนาฬิกาไว้  เพลา ๓ ทุ่ม จะให้ฝนลงจงได้

          แล้วตรัสสั่งให้ปลูกศาลเทพารักษ์เพียงตา กระทำพลีกรรมบวงสรวง ทรงตั้งพระสัตยาธิษฐาน เอาพระบารมีโพธิสมภารเป็นที่พึ่งแห่งไพร่พลทั้งปวง 

         
วันนั้นอากาศปราศจากเมฆฝนและฟ้าลมก็เป็นปกติ ด้วยเดชะพระสัตยาธิษฐาน และเทวานุภาพ พอถึงเวลา ๔ ทุ่ม ๘ บาท ก็บันดาลฝนตกลงจนน้ำนอง ขอนไม้ในป่าไหลลอยไปเป็นอัศจรรย์




ปาฏิหาริย์ที่เมืองตาก

          ต้นปี พ.ศ. ๒๓๑๗ เมื่อเสร็จศึกปราบปรามพม่าที่เชียงใหม่ ระหว่างทางเสด็จกลับพระนคร ได้เสด็จฯ ไปยังพระตำหนักเมืองตาก ขณะที่หยุดพักทัพอยู่ ณ หาดทรายบ้านตาก พระองค์เสด็จฯ ประทับเรือพระที่นั่งล่องไปตามลำน้ำ เรือพระที่นั่งกระทบตอไม้ล่มลง จึงเสด็จฯ ขึ้น ณ หาดทราย เมื่อหลวงรักษ์โกษาซึ่งตามเสด็จฯ มาด้วยเชิญห่อพระภูษาซึ่งชุ่มน้ำมาคลี่ออกดู ก็พบพระภูษาชิ้นหนึ่งแห้งเป็นปกติอยู่น่าอัศจรรย์นัก

          การเสด็จฯ ไปเมืองตากของพระองค์ยังมีเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติลานสาง ว่า

          เมื่อทรงพักทัพอยู่ที่บ้านระแหง เมืองตาก มีชาวมอญมาสวามิภักดิ์เป็นจำนวนมาก ทหารพม่าจึงติดตามมารุกราน พระองค์เสด็จฯ นำทัพไปรุกไล่จนพลัดหลงกับกองทัพ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นป่าเขารกทึบ และเป็นเวลากลางคืน กองทัพมิอาจติดตามพระองค์ได้ จึงพักทัพลง ในขณะที่พักทัพอยู่นั้น ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และพลันได้ยินเสียงม้าศึกร้อง เหล่าทหารจึงรีบรุดไปยังจุดนั้น พบพระองค์ทรงประทับม้าอยู่กลางลานหิน มีแสงสว่างออกจากพระวรกาย ส่วนทหารพม่าหมอบอยู่โดยรอบ

          ขณะนั้นเป็นเวลาฟ้าสางพอดี จึงพากันเรียกบริเวณนั้นว่า ลานสาง และตรงที่พระองค์ประทับม้า บริเวณน้ำตกชั้นที่ ๒ ก็ยังปรากฏร่องรอยเป็นรูปเกือกม้าของพระองค์ประทับติดอยู่




เสี่ยงบารมีตีระฆังแก้ว

         
ระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินไปประทับอยู่ที่เมืองตาก ภายหลังจากเสร็จศึกกับพม่าที่เมืองเชียงใหม่นั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลและนมัสการพระปฏิมากรที่วัดดอยเขาแก้ว ครั้งนั้นได้ตรัสถามพระสงฆ์ว่าจำพระองค์ได้หรือไม่


          พระสงฆ์รูปนั้นยังจดจำพระองค์ได้ดี มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งพระองค์ยังอยู่ที่บ้านระแหง ได้กระทำสัตยาธิษฐานเสี่ยงบารมีว่า

          ถ้าข้าพเจ้าจะได้ตรัสแก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณในอนาคตกาล ข้าพเจ้าตีระฆังแก้วเข้าบัดนี้ ให้ระฆังแก้วแตกจำเพาะที่จุก จะได้ทำเป็นพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

          ครั้นอธิษฐานแล้วตีระฆัง ระฆังก็แตกแต่เฉพาะจุก เห็นประจักษ์เป็นที่อัศจรรย์

          เรื่องการเสี่ยงบารมีนี้ บางตำนานเล่าว่า ได้ใช้ไม้เคาะระฆังขว้างไปโดยไกลยังลูกแก้วหรือถ้วยแก้ว อธิษฐานว่า ขอให้ไม้ถูกจำเพาะส่วนที่คอดกิ่วอยู่ ลูกแก้วนั้นอย่าได้เสียหาย ปรากฏว่า ไม้เคาะระฆังขว้างไปถูกดังคำอธิษฐาน จึงได้นำลูกแก้วนั้นไปติดไว้ที่ยอดพระเจดีย์

          ปัจจุบันลูกแก้วยอดพระเจดีย์วัดดอยเขาแก้วได้หายไปแล้ว และเล่ากันว่า ยังมีเจดีย์อีกองค์หนึ่งซึ่งประดิษฐานลูกแก้วเสี่ยงทาย อยู่ที่วัดกลางสวนดอกไม้ใกล้กับวัดดอยเขาแก้ว แต่ลูกแก้วนั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน

 





ที่มา จากหนังสือ
กฤดาภินิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

(พิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑)


 









หนังสือ กฤดาภินิหาร
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช



         
หนังสือ กฤดาภินิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นหนังสือที่องค์การค้าของคุรุสภาได้จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ ๔๘ ปีองค์การค้าของคุรุสภา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑ เพื่อเทิดพระเกียรติแด่กษัตริย์นักรบผู้กล้า และเพื่อปลุกจิตสำนึกให้อนุชนรุ่นหลังได้ภาคภูมิใจในเอกราชและความเป็นไทย


          กฤดาภินิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจัดพิมพ์เป็นเล่มขนาดใหญ่ (A5) และเล่มจิ๋วขนาดประมาณเท่าปลายนิ้วมือ จำนวนรวม ๓๐,๐๐๐ ชุด ได้นำไปร่วมประกอบการบวงสรวงในพิธีพราหมณ์ และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้ทรงพระกรุณาทำพิธีแผ่เมตตาจิตให้ด้วย

         
ในหน้าถ้อยแถลงของผู้อำนวยการองค์การค้าของคุรุสภา กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไว้ว่า

         
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงคุณแก่บ้านเมืองในอดีต ด้วยทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาสู่มาตุภูมิในยามที่คนไทยไร้อิสรภาพ นับเป็นมหาวีรกรรมที่จารึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย



น้อมรฦกถึงพระมหากรุณาธิคุณ

คุณหวานเจี๊ยบ
ธันวาคม ๒๕๕๑










วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

๒ ธันวาคม - ยิงบึ้มใส่ “ดอนเมือง” พันธมิตรฯ ดับ ๑ - เจ็บระนาว !!

Rating:★★★★★
Category:Other


 


“สัตว์นรก”ลอบกัดซ้ำ !
ยิงบึ้มใส่ “ดอนเมือง”
พันธมิตรฯ ดับ ๑ - เจ็บระนาว !!


 


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 
๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ ๐๑:๔๕ น.


 


“สัตว์นรก” เลวสุดขั้ว ลอบยิงระเบิดซ้ำใส่ “พันธมิตรฯ” ที่ชุมนุมอยู่ที่ “สนามบินดอนเมือง” ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ๑ ราย - บาดเจ็บระนาว คาด “ผู้บงการ” สั่งยิงบึ้มป่วน “พันธมิตรฯ” ก่อนศาลตัดสิน “คดียุบพรรค” ๒ ธ.ค. นี้

      
       วันนี้ เมื่อเวลา ๐๐.๑๕ น. รายงานข่าวแจ้งจากสนามบินดอนเมืองว่า ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ยิงระเบิดใส่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งชุมนุมอย่างเนืองแน่นอยู่ที่สนามบินดอนเมือง โดยยิงมาที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า
ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทันทีในที่เกิดเหตุกว่า ๑๐ ราย โดยมีผู้บาดเจ็บ ๕ ราย อาการสาหัส เบื้องต้นการ์ดพันธมิตรฯ นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรักษาอย่างอาการบาดเจ็บอย่างเร่งด่วนแล้ว
      
       จากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาเข้า ห่างจากเวทีปราศรัยประมาณ ๒๐๐ เมตร พบกองเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บจำนวนมากเจ้าหน้าที่ทยอยนำส่งโรงพยาบาล โดย
มีผู้เสียชีวิตขณะนำส่ง รพ. มงกุฏวัฒนะ จำนวน ๑ ราย ซึ่งเป็นประชาชนที่มาร่วมชุมนุมทราบชื่อต่อมา คือ นายรณชัย ไชยศรี อายุ ๒๙ ปี ชาว อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา มีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดอย่างจังบริเวณท้ายทอย ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.มงกุฏวัฒนะ ๑๕ ราย อาการสาหัส ๑ ราย รพ.ภูมิพล ๗ ราย สาหัส ๑ ราย รพ.เซ็นทรัลเจเนอรัล ๒ ราย
      
       ผู้ชุมนุมรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนมาร่วมชุมนุมตามปกติ ปรากฏว่าระหว่างนั้น เห็นลำแสงพุ่งมาจากถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนกระทบกระจกอาคารขนาดใหญ่จนแตกละเอียด ๑ บาน โดยแรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บดังกล่าว
      
       ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ และเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บ พร้อมทั้งให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดมาชุมนุมที่บริเวณเวทีปราศรัย เพราะเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุด
      
       ส่วน
การยิงระเบิดเข้าป่วนผู้ชุมนุมในครั้งนี้ คาดว่า ผู้บงการ สั่งให้คนร้ายให้ยิงระเบิดเอ็ม ๗๙ มาจากทางด่วนโทล์เวย์เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ชุมนุม ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมา ในวันที่ ๒ ธ.ค. นี้
      
       (ส่วนความคืบหน้า เอเอสทีวี-ผู้จัดการออนไลน์จะรายงานให้ทราบต่อไป)

 


ที่มา
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000142177