วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

“หมัก” บรรลัย! ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ ชี้พ้นสภาพผู้นำ

Rating:★★★★★
Category:Other

 


“หมัก” บรรลัย!
ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐
ชี้พ้นสภาพผู้นำ



โดย...ผู้จัดการออนไลน์
๙ กันยายน ๒๕๕๑ ๑๖:๓๒ น.


 



ตุลาการศาล รธน. มีคำวินิฉัยให้ “สมัคร” พ้นสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี กรณีเป็นลูกจ้างจัดรายการชิมไปบ่นไป ตามคำร้องของ กกต. และ ส.ว. พบหลักฐานภาษี ณ ที่จ่ายมัดคอ ปฏิเสธสถานะ “ลูกจ้าง” ไม่ออก
      
       
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ตุลาการศาล รธน.มีคำวินิฉัยให้ “สมัคร” พ้นสภาพความเป็นนายกฯ พร้อม ครม.ทั้งคณะ 
      
       วันนี้ (๙ ก.ย.) คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดยนายชัช ชลวร ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๗ ประกอบมาตรา ๑๘๒ (๗) ของนายสมัคร อันเนื่องจากเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยง ๖ โมงเช้า”
      
       คำวิจิฉัยศาลรัฐธรรมนูญสรุปใจความเบื้องต้นได้ว่า นายสมัคร ผู้ถูกร้องได้ร่วมดำเนินธุรกิจกับบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด ในฐานะพิธีกร แม้จะอ้างไม่ใช่ลูกจ้าง แต่ทั้งนี้ ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ย่อมทราบข้อห้ามกฎหมาย มาตรา ๒๖๗ ดีอยู่แล้ว เพราะเข้าข่ายหมิ่นเหม่ แต่ยังคงร่วมดำเนินธุรกิจเรื่อยมา แต่มาเลิกเป็นพิธีกรก็ต่อเมื่อมีผู้ร้องเรียนถึง กกต. ขณะที่บริษัท เฟซ มีเดีย ถือเป็นบริษัทเอกชน ย่อมมุ่งแสวงหากำไร และจะนำรายได้มาแบ่งปันกัน
      
       อีกทั้งจากหลักฐานพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ถูกร้องได้ทำหน้าที่พิธีกรรายการชิมไปบ่นไป ตั้งแต่เมื่อครั้งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และได้รับค่าตอบแทนเรื่อยมาเดือนละ ๘๐,๐๐๐ บาท จนกระทั่งมีโลโก้รูปภาพการ์ตูนจมูกชมพู่เป็นโฆษณาไปปรากฏบนจอโทรทัศน์ในช่วงออกอากาศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทราบกันดีว่าหมายถึงตัวผู้ถูกร้อง
      
       ส่วนเรื่องผู้ถูกร้องโต้แย้งว่า ไม่ได้เป็นลูกจ้าง เฟซ มีเดีย เพราะไม่ได้รับค่าจ้าง หรือเป็นผู้บริหารในบริษัท ซึ่งต้องวินิจฉัยตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่จากหลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย ของกรมสรรพากรได้ยื่นแบบแสดงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบว่าผู้ถูกร้องมีเงินได้จากการเป็นพิธีกรจากบริษัท เฟซ มีเดีย
      
       ต่อมาเมื่อ ๖ ก.พ. ๒๕๕๑ หลังผู้ถูกร้องได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมบันทึกเทปกับบริษัท เฟซ มีเดีย อีก ๒-๓ ครั้ง และนำมาออกอากาศอีก โดยผู้ถูกร้องมิได้ดำเนินยับยั้ง โดยใช้รูปจมูกชมพู่เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นชัดว่ามีการร่วมดำเนินธุรกิจกันจริง
      
       โดยคำวินิจฉัยไม่ได้พิจารณาเฉพาะการเป็นลูกจ้างเท่านั้น แต่พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๗ ด้วย เกี่ยวกับผลประโยชน์ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้นักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์สาธารณะ ดังนั้น การนิยามความหมายของคำว่า “ลูกจ้าง” จึงไม่ใช่เพียงแค่ได้รับค่าจ้างหรือไม่ เท่านั้น ดังนั้น การรับพิธีกร ๒ รายการของนายกรัฐมนตรีนั้น ถือว่ามีความผูกพันทางด้านผลประโยชน์กับบริษัท เฟซ มีเดีย อยู่ ขณะที่ผู้ถูกร้องต้องได้รับค่าตอบแทนตามฐานะ
      
       นอกจากนี้ยังพบว่า ข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องที่รับรายได้เพียงค่าน้ำมันรถ ถือว่าเป็นการให้ขัดแย้งกัน และยังพบพิรุธว่า น่าจะมีการทำหลักฐานย้อนหลังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าตอบแทน เป็นค่าน้ำมันรถและค่ากับข้าว
ตุลาการศาล รธน. จึงมติเป็นเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ เสียง เห็นว่า ผู้ต้องร้องกระทำต้องห้ามขัดต่อ รธน. ๒๖๗ จึงสิ้นสุดความเป็น รมต. เฉพาะตัว และเมื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง คณะรัฐมนตรีจึงสิ้นสุดลงด้วย แต่ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่
      
       ด้าน ศ. ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายมหาชน ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินเช่นนี้ออกมา นายสมัครก็ไม่ควรจะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก เพราะเป็นเรื่องที่ขัดต่อคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมืองที่ทั่วโลกยึดถือปฏิบัติ
      
       “มันคงอธิบายให้โลกทั้งโลกเข้าใจไม่ได้ว่า เมื่อศาลตัดสินมาแล้วว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรีทำกันในสิ่งที่ขัดกันของผลประโยชน์ ทั้งหมดเป็นเรื่องสำนึกของจริยธรรมที่ลึกซึ้ง” นายบวรศักดิ์กล่าว
      
       สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีอย่างกึกก้อง ขณะที่บริเวณสะพานมัฆวาน กลุ่มนิสิตนักศึกษาที่มาชุมนุมขับไล่นายสมัคร ได้โห่ร้องแสดงความยินดีเช่นกัน หลังจากนั้น "หรั่ง ร็อคเคสตร้า" ได้ขึ้นเวทีนำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ตามด้วยเพลงเราสู้
      
       หลังจากนั้น ตัวแทนนักศึกษาได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยว่า ถ้า ส.ส. พรรคพลังประชาชนยังลงมติเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ทางกลุ่มนิสิตนักศึกษาก็จะยังปักหลักชุมนุมขับไล่อยู่ที่นี่ต่อไป หลังจากนั้นได้มีมีการเปิดวิดีโอเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก ตามด้วยคำให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศของนายสมัคร ในช่วงเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ใหม่ๆ ว่า เหตุการณ์ ๖ ตุลาฯ ไม่มีคนตายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่มีคนตายที่สนามหลวงเพียงแค่คนเดียว


 


ที่มา
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000106895

 
 

14 ความคิดเห็น:

  1. กุเทพ ใสกระจ่าง ออกมาบอกว่า สนับสนุนให้สมัครเป็น นายกฯ ต่อนะพี่ 18.27 น.

    มันยังไม่จบ และจะขัดขืนต่อคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่งให้พ้นตำแหน่งไป
    มันอ้าง อริยะขัดขืน ตามเรา
    ท่าทางจะยังไม่จบง่ายๆ นะพี่

    ตอบลบ
  2. รับทราบค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

    แต่ขอเฮยกแรกก่อนน้า
    อะน่า โดนแบบนี้อย่างน้อยก็เป็นตราบาปกะตระกูลมันแหละน้อ

    ว่าแต่ว่าเราต้องทนมันรักษาการต่อไปถึงไหนเนี่ย

    ตอบลบ
  3. เฮ ก่อนหนึ่งยก แล้วค่อยไล่เหยียบมันอีกรอบ
    แค่นี้ ต่างชาติก็ไม่เอามันแล้ว หุหุ

    ตอบลบ
  4. เฮก่อนหนึ่งยก
    แล้วก็มานั่งเซ็งหนังหน้าบรรหารต่อ...เอิ๊ก..เอิ๊ก...

    ตอบลบ
  5. ดูเค้าทำจิ เสียสถาบันคนรักแมวหมก กิๆๆๆ ชิมไป...บ่น......ไปเสียแล้ว กิๆๆๆ55555+ อุ้ยขอโทษค่ะ เก็บอาการนินุง
    .

    ตอบลบ
  6. มาอ่าน ช่วยเฮ ด้วย แต่มันยังไม่จบนี่นา

    ตอบลบ
  7. อ้าวเครียดจิค่ะ

    ตอบลบ
  8. หา "หมอตี๋" กินยาเลยจ้า "น้องรดา"

    ตอบลบ
  9. ดูสถานการณ์แล้ว สงสัยว่าแปะลิ้มอาจจะได้ขายข้าวสาร เอเอสทีวีซะแล้ว ข้าวหน้าทำเทียบที่ลงเอาไว้ จะเก็บเกี่่ยวได้เดือนไหนนี่ ? เป็นข้าวพันธ์อะไรเหรอ ?ใครว่างช่วยสืบหาข้อมูลเพื่อประเมินผลต่อไปนะจ๊ะ งานนี้ยาววววววววว ฟันธง

    ตอบลบ
  10. กำลังถอนใจอยู่เหมือนกันค่ะพี่ประสงค์
    เหมือนเพิ่งแค่ยกแรกเองนะคะ เหนื่อยแทนพี่น้องเราที่เฝ้าอยู่ที่นั่น
    แต่ก็ดีค่ะ จะได้เจอพี่ประสงค์กะพี่แป้นที่มัฆวานฯ อีกนะคะ
    ขึ้นมาเกี่ยวข้าวกันนะคะ

    ตอบลบ
  11. เฮ้อ...ไชโย ต่อไปว่ากันใหม่ ดีใจตามสถานณการณ์

    ตอบลบ
  12. ไชโย แบบถอนหายใจไปด้วยใช่มั้ยคะเนี่ย
    เฮ่อ !!!!

    ตอบลบ