วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551

บ ท ก วี . . . คอย




ภาพจาก http://9comeback.multiply.com/photos/album/17/PANWA_CAPE_phuket?replies_read=33
 
 

คอย

            ล่วงวันลงอีกวัน                พาเรือผันหันหาฝั่ง
     เทียบลำแต่ลำพัง                     วางภาระระหว่างวัน

            พักเรือเพื่อได้พัก              เหนื่อยล้านักตักตวงฝัน
     เรือแรงร่วมผูกพัน                    กอบเก็บฝันกันนานปี

            จวบวันจนหมดวัน             ม่านฟ้าพลันมาคลุมคลี่
     แม้แรงแม้เรือมี                        มิอาจขืนฝืนตะวัน
 
  

            คอยคืนให้เคลื่อนผ่าน        อีกไม่นานนะเพื่อนขวัญ
     แล้วเราจะร่วมกัน                     ไปกอบฝันดั่งวันเดิม


 

๑๗ พฤษภาฯ ๒๕๓๙

"คุณหวานเจี๊ยบ"...เขียน

 จากคอลัมน์ พักสายตาในอนุสาร อ.ส.ท.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเหตุ ๑ *


ขอบคุณ

"คุณ 9comeback"

http://9comeback.multiply.com/

ใจดีแบ่งปันภาพสวย ๆ ทั้งหมดทั้งมวลที่เห็นให้ยืม

 


 

 

หมายเหตุ ๒ **

"แม้แรงแม้เรือมี

มิอาจขืนฝืนตะวัน"


 

 

 

หมายเหตุ ๓ ***

"คอยคืนให้เคลื่อนผ่าน
อีกไม่นานนะเพื่อนขวัญ

แล้วเราจะร่วมกัน

ไปกอบฝันดั่งวันเดิม"



 

 

 

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2551

บทกวีสงสารประเทศไทย . . . " ส ง ส า ร " . . . โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

Rating:★★★★★
Category:Other

    "สงสารประเทศไทย
    ที่ไปไม่ถึงไหนเลย

    "ใครมิตรใครศัตรู
    ที่ทำร้ายประเทศไทย !."















 

ภาพจาก http://www.micksnuts.com/images/061307/full/indiaauthentic02kali.jpg 




สงสาร
 
 

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์     




๏ สงสารประเทศไทย
ที่ไปไม่ถึงไหนเลย
เคยคิดว่าลงเอย
กลับขึ้นต้นกันอีกครา


๏ แสบเผ็ดเผด็จการ
สังหารโหดสาหัสสา
จากตุลาถึงตุลา
มาลืมหลงได้ลงคอ


๏ เพื่อนสู้เพื่อผู้ใด
ก็ผู้ใดคือต้นตอ
มือใครที่ถักทอ
และสืบทอดเผด็จการ


๏ อำนาจกับผลประโยชน์
มันสะกดจิตวิญญาณ
คือทุนอันสามานย์
แลอำมาตย์อันโสมม


๏ ก้าวกล้ามาไกลมาก
กลับกระชากลงปลักตม
ฤๅเพื่อนสมยอมสม
เป็นลิ้นงูในปากงู




๏ ไม่ขอให้กลับใจ
แต่ขอให้เพื่อนหันดู
ใครมิตรใครศัตรู
ที่ทำร้ายประเทศไทย !.
 
 
ภาพจาก http://www.thaliatook.com/pix/kali.jpg




ที่มา : http://www.oknation.net/blog/nowwarat/2008/01/27/entry-1
วันอาทิตย์ ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๑
สงสาร
Posted by เนาวรัตน์_พงษ์ไพบูลย์




วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2551

สิ่งที่ทำเมื่อตอน ๑๐ กว่าขวบ จะส่งผลมาถึงปัจจุบันและชั่วชีวิต

 

ภาพจากเว็บไซต์ (ขออภัยที่จำชื่อเว็บไซต์ไม่ได้)

 

 

มีคนเคยบอกว่า

สิ่งที่เราชอบเอาจริงเอาจังในราววัยสิบกว่าขวบนี่แหละ

ที่มันจะส่งผลไปจนโตไปจนชั่วชีวิตเอาเลย

 

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

จากหนังสือ ดังนั้นฉันจึงเขียน

 

 

            ฉันได้อ่านข้อความนี้ จากหนังสือเล่มดังกล่าว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ในวัยวันที่อายุไม่น้อยแล้ว

            ข้อความที่ว่านั้น ผู้เขียนท่านหมายความว่า สิ่งที่เราชอบเล่น ชอบทำเอามาก ๆ เมื่อตอนอายุราว ๆ ๑๐ ขวบ มันมักจะกลับกลายมาเป็นอาชีพ หรือเป็นความสนใจพิเศษ ความสามารถพิเศษของเราในตอนโต เช่นนักประดิษฐ์รถแข่งท่านหนึ่ง ท่านก็เริ่มมีความสนใจเรื่องรถแข่งมาตั้งแต่ ๑๐ กว่าขวบ

 

            จริงหรือ ที่สิ่งที่เราชอบทำอย่างเอาจริงเอาจังเมื่ออายุราว ๑๐ ขวบ จะส่งผลมาถึงปัจจุบัน หรืออาจต่อไปจนชั่วชีวิต

 

            ฉันประมาณเอาว่า ตอนอายุ ๑๐ ขวบ ฉันเรียนอยู่ชั้นประถมฯ ปีที่ ๕ ดังนั้น ๑๐ กว่าขวบที่ว่า ก็น่าจะเป็นช่วงประถมฯ ปลาย ถึงมัธยมฯ ต้นนั่นเอง

 

            ฉันลองย้อนลำดับเหตุการณ์กลับไป

            ตอนนั้นฉันทำอะไรอยู่

 

            เมื่อนึกทบทวนด้วยตัวเอง กับลองไปถามพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ว่าตอนเด็ก ๆ อายุประมาณนั้นฉันชอบทำอะไร แทบไม่น่าเชื่อว่ามันเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงความจริงมาก

            สิ่งเหล่านั้นเมื่ออายุ ๑๐ กว่าขวบ มันส่งผลมาเป็น ฉัน ในทุกวันนี้จริง ๆ และแน่นอนว่า...คงเป็นไปชั่วชีวิต

 

           

แล้วคุณหละ

ตอนอายุ ๑๐ กว่าขวบ
คุณชอบทำ ชอบเล่นอะไรกัน
สิ่งนั้นมันส่งผลมาถึงปัจจุบันอย่างไรกันบ้าง
ลองมาเล่าสู่กันฟังนะ

 

 

 

 

ยืมเพลงมาจากบ้าน "นายตู้"
http://photophotu.multiply.com/
ขอบใจจ้า

 

 

นักเขียนน้อย







เจ้าหนูคนนี้มีแววรักการเขียนนะเนี่ย
ระหว่างนั่งรอคุณแม่ถวายสังฆทาน (ที่วัดพระเชตุพนฯ)
"ป้าหวานฯ" แอบเห็นเค้ามองหาอะไรซักอย่าง
มองไปมองมาได้ม้วนแกนกลางกระดาษเช็ดมือมาม้วนนึง
ก็หยิบปากกามาขีดเขียนอะไรง่วนเชียว
หน้าตาน่ารักซะด้วย

พ่อ "นักเขียนน้อย"




สาธุ...สาธุ...สาธุ...







ลูก
สาว
ใคร

ก็
ไม่
รู้
น่ารักดี



เด็กฟะรั้ง ง ง ง...เด็กฟะหรั่ง







"เด็ก"
ไม่ว่าจะชาติไหน พูดภาษาใด
ก็น่ารักเหมือนกันหมดเนาะ





เด็กไท้ย ย ย ย...เด็กไทย







ชักจะเริ่มคุ้นตากับภาพ "เด็กไทย" ตัวเล็กตัวน้อยยันตัวโต
ที่แต่งชุดไทย หรือชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไทย
บ้างก็ชุดผ้าฝ้าย ผ้าไหม ตามแต่ผู้ปกครองจะหามาให้สวมใส่
เพราะดูเหมือนจะกลายเป็นภาคบังคับของหลาย ๆ โรงเรียนไปแล้ว
ว่าต้องมี ๑ วัน ใน ๑ สัปดาห์ ที่เด็ก ๆ จะต้องแต่งชุดไทย

มองไปก็น่ารักน่าเอ็นดูดี
เด็กผู้ชายสวมชุดหม้อห้อม หรือสวมเสื้อแบบพวกลำตัดเขาใส่กัน
เด็กผู้หญิงนุ่งโจงกระเบน (สำเร็จรูปขอบยางยืดที่เขามีเย็บขายกันแล้ว) กับเสื้อคอกระเช้าสีขาว

เดี๋ยวเราไปผลิตโจงกระเบนริมแดงติดแบรนด์เนมมาขายแข่งมั่งดีก่าวุ้ย





"พ่อรูปหล่อ" ของ "ป้าหวานฯ"







"ป้าหวานฯ" เจอ "พ่อรูปหล่อ" คนนี้ ในงานสงกรานต์วัดโพธิ์
ใส่เสื้อ "ลำตัด" ลายพร้อย เดินคาบอมยิ้ม มาถวายสังฆทานกะแม่และน้องสาว

เห็นแล้วอดไม่ได้ แอบเข้าไปกอดและหอมแก้มซะเลย
และก็ขอชักรูปไว้เป็นที่รฦกซะหน่อย




บรรจงสร้าง







เมื่องานสงกรานต์ วัดโพธิ์ ปีที่ผ่านมา
"ป้าหวานฯ" ไปแอบดูเด็ก ๆ เค้า "ก่อพระเจดีย์ทราย" กัน

คุณยายกะคุณหลานน้อย ๕ ภาพแรก เดินทางมาจากสุพรรณบุรี (หรืออยุธยาหว่า ชักลืม ๆ)
คุณยายบอกว่า หลานน้อยรบเร้าให้พามาก่อพระเจดีย์ทรายที่วัดโพธิ์ทุกปี

"ป้าหวานฯ" แอบดูอยู่นาน ยัยหนูน้อยนี่แก "บรรจงสร้าง" จริง ๆ
จนคุณยายเมื่อย ขอนั่งพัก ไม่ช่วยก่อหละ ยัยหนูคนนี้ก็ไม่ยอมละมือ
คุณยายให้กลับบ้านก็ยังไม่ยอม หันมาบอกว่า "ต้องทำทางเข้าก่อน"
แล้วก็ค่อย ๆ เอาไม้ขีดเขี่ยเป็นทางเข้า เป็นขั้นบันได
จนแล้วใจนั่นแหละ ถึงจะเอาดอกไม้ปักบนยอดเจดีย์ มองภาพฝันที่ตัวเองก่อสำเร็จ แล้วยอมกลับบ้าน



เป็นเด็กก็ดีแบบนี้เองเนาะ
จะ "ก่อฝันปั้นหวัง" อะไรก็ง่ายไปหมด
ไม่เห็นยุ่งยากเหมือนผู้ใหญ่
ที่ความฝันความหวังช่างอยู่ไกลเกินก่อเกินปั้นเสียจริง




ไม่ "ดื้อด้าน" เหมือนผู้ใหญ่ (บางคน)







"น้องบัมพ์"
น้องชายของ "น้องบูม"
คนที่ร้องจะหา "องค์ดำ"


ชอบเสื้อ "น้องบัมพ์" ที่เขียนว่า
"ดื้อ+ซน" แบบเด็ก ๆ


แต่อยากจะเติมต่อว่า
ไม่ "ดื้อด้าน" เหมือนผู้ใหญ่ (บางคน)




จิตรกรน้อย







"จิตรกรน้อย"
ชื่อ "เด็กชายกล้า"
ลูกใครเอ่ย ?
เป็นเด็กฉลาด ช่างถาม ช่างซน
ถ้าไม่ซนไปเรื่อย ก็จะถามคำถามไปเรื่อย
จนผู้ใหญ่จนมุม ไม่รู้จะตอบยังไง
แต่ "เด็กชายกล้า" ชอบวาดรูป
มีกระดาษ มีดินสอสี ให้วาดรูป
แบบนี้ค่อยนิ่งเฉยได้หน่อย

(รูป "เจ้าชายน้อย" กับรูป "เล่นฤทธิ์"
แอบจิ๊กของพ่อ "เด็กชายกล้า" เค้ามา...หุหุ)




จะหา "องค์ดำ"







          "น้องบูม" เป็นเด็กเมืองกาญจน์ขนานแท้ เสียงเหน่อแบบคนไทยแท้ เป็นหลานย่าของครูของครูที่สอนกรรมฐาน "ป้าหวานฯ"

          วันหนึ่ง "ป้าหวานฯ" กับครูไปร่วมงานบุญที่วัดลาดขาม เมืองกาญจน์ กับครูของครู (ย่าของ "น้องบูม") นี่หละ "น้องบูม" ก็มาด้วย แล้วก็รบเร้าขอให้ย่าพาไปหา "องค์ดำ" ที่อนุสรณสถานดอนเจดีย์ อยู่ตลอดเวลา (ซึ่งสองคนย่า-หลานเค้าสัญญากันมาแต่บ้านแล้วหละว่าย่าจะพา "น้องบูม" ไป)

          ย่าเล่าให้ฟังว่า "น้องบูม" เค้าดูหนังการ์ตูนเรื่อง "ก้านกล้วย" แล้วก็ร้องแต่ "จะไปหาองค์ดำ..จะไปหาองค์ดำ" ย่าเลยสัญญาว่า เสร็จงานแล้วจะพาไป แม้แต่ตอนอยู่ที่วัด "น้องบูม" ก็ยังทวงถามเรื่องที่จะพาไปหา "องค์ดำ" บ่อย ๆ

          พอเสร็จงานพวกเราก็เลยยกขบวนกันพา "น้องบูม" ไปอนุสรณสถานดอนเจดีย์

          ไปถึงก็พาไปดูพิพิธภัณฑ์ก่อน พิพิธภัณฑ์เป็นห้องเล็ก ๆ ไม่ใหญ่นัก ไม่น่าเชื่อว่าเด็กขนาดนี้จะดูภาพถ่ายเก่า ๆ ดูข้าวของเครื่องใช้ อาวุธ ในพิพิธภัณฑ์อย่างสนใจ จนผู้ใหญ่ดูจบแล้วเดินออกมานอกอาคารแล้ว "น้องบูม" ก็ยังไม่ตามออกมา "ป้าหวานฯ" เลยต้องเข้าไปตาม

          ภาพที่เห็นคือ "น้องบูม" ยืนจ้องภาพขาว-ดำเก่า ๆ อยู่อย่างไม่วางตา "ป้าหวานฯ" เรียกก็ไม่ยอมหัน เข้าไปจูงมือ "น้องบูม" ก็สะบัดแขน ทำขัดขืนอยู่นาน จนต้องลากกันออกมา แล้วบอกว่า จะพาไปหา "องค์ดำ" ที่ศาลสมเด็จพระนเรศวรที่อยู่ไม่ไกลกันนักถึงได้ยอม

          พอไปถึงศาลสมเด็จพระนเรศวร "น้องบูม" ก็ไม่สนใจใคร เดินอาด ๆ ขึ้นบันไดเข้าไปในศาล หยิบธูปไปจุดกับตะเกียงน้ำมันที่ทางศาลเตรียมไว้ให้ แล้วก็ไปนั่งไหว้พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรโดยไม่ต้องมีใครบอก เสร็จแล้วก็ปักธูปลงกระถางเรียบร้อยเหมือนผู้ใหญ่ แล้วก็นั่งมองพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวร

          จนย่ามาเรียกให้กลับบ้าน ก็ทำท่าจะไม่ยอมอีก หน้ามุ่ยจะร้องไห้ เดินงอนลงมานั่งหน้างออยู่ตรงบันไดหน้าศาล "ป้าหวานฯ" เลยแอบถ่ายรูปมาซะเลย

          เออหนอ "ก้านกล้วย" ช่างมีอิทธิพลต่อเด็กได้ถึงเพียงนี้



"เด็กน้อยกับรถถัง" ในวันของผู้ใหญ่







"วันเด็ก"
เป็นวันที่เด็กผู้ชายหลาย ๆ คน ใจจดใจจ่อเฝ้ารอให้ถึง
เพียงเพื่อจะได้ไปปีนป่ายถ่ายรูปกับ "รถถัง" เล่น

แต่เมื่อปีที่ผ่านมา ไม่ใช่วันเด็กเสียหน่อย
ก็มี "รถถัง" ออกมาให้เล่นเสียแล้ว
แถมมีพี่ ๆ น้า ๆ ลุง ๆ ทหารเพียบ

อย่าว่าแต่เด็ก ๆ เลยนะ
นังป้าแก่ ๆ ก็อยากถ่ายรูปกะรถถังกะเค้ามั่งเหมือนกัน

(น้อง ๆ ที่ทำงาน "ป้าหวานฯ" มันเตือนว่า
"พี่ ๆ ระวังคนเค้ามายืนถ่ายรูปด้วยนะ"
"ทำไมอะ ช้านสวยหรอ" สวนกลับ
"ป่าว ๆ เค้านึกว่ารถถัง"
กรี๊ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด)

เพื่อน "ป้าหวานฯ" คนหนึ่งบ่นน้อยอกน้อยใจ
ที่พ่อเป็นถึงทหารระดับนายพล
แต่ไม่เคยพามันไปดูรถถังเลยตั้งแต่เด็ก

"ป้าหวานฯ" เลยไม่รอช้า
เลิกงานเย็นหนึ่งก็รีบนัดมันไปในทันใด
พามันไปถ่ายรูปกะรถถังที่ลานพระรูปฯ ซะ
เป็นบุญคุณที่มันจดจำไม่ลืมทีเดียว

มันบอกด้วยหน้าตาท่าทางที่กระดี๊กระด๊าแกมสำนึกบุญคุณมากว่า
"พ่อชั้นเป็นทหารยังไม่เคยพาชั้นไปดูรถถังเลย
ชั้นได้เห็นรถถังใกล้ ๆ เพราะแกแท้ ๆ"

เฮ่อ !!! เอาสิ
วันของผู้ใหญ่ชัด ๆ




นักประชาธิปไตยตัวน้อย







"หนูมุก"
นักประชาธิปไตยตัวน้อย หลานรักของ "ป้าหวานฯ"
ที่เคยเล่าไว้ในภาพเล่าเรื่อง "มาด้วยใจ ไม่มีใครจ้าง"
http://sweetjiab.multiply.com/photos/album/25

ที่ว่าไอ้เจ้าพ่อ เจ้าของร้านทองที่นครสวรรค์
ตอนเย็นหลังปิดร้าน ก็หอบลูกหอบเมียขับรถเข้าพระนคร
มาร่วมชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้ากะเขาด้วยจนดึกดื่น
แล้วก็ขับรถกลับนครสวรรค์ ไป ๆ มา ๆ อยู่หลายวันจนจบม็อบ

ดูเอา หลาน "ป้าหวานฯ" ตัวเท่านี้หละ ที่พ่อมันพามา

“แหม ก็สอนให้เค้าเรียนรู้ประชาธิปไตยตั้งแต่เด็กไง
จะได้ซึมซับไปตอนโต” เจ้าพ่อมันว่า




"เด็กหญิงฟริเกต" ฝึกนั่งสมาธิ







"เด็กหญิงฟริเกต"
เป็นลูกของ "แม่เต" กะ "พ่อปู"
หลาน "ก๋งทิป" (ลุงอาร์ตไดฯ ของ อ.ส.ท.)
นับไปนับมาก็เป็นเหลน "ป้าหวานฯ"

ตัวแค่เนี้ยหัดนั่งสมาธิแล้ว...น่ารักจัง
แถมยังมานั่งสมาธิอวดป้า ๆ ลุง ๆ ที่กอง บ.ก. อ.ส.ท. ซะด้วย
"ป้าหวานฯ" เลยเรียก "ลุงอ๊อด" ภาคภูมิ น้อยวัฒน์ มาถ่ายรูปเก็บไว้ซะเลย
(รูปที่ ๓ หนะ ส่วน ๒ รูปแรก "ป้าหวานฯ" ไปจิ๊กมาจาก Blog ของ "ฟริเกต" เค้า)

จริง ๆ "แม่เต" กับ "พ่อปู" เค้าจับนั่งฝึกสมาธิแก้ซนหนะ
เป็นการหลอกให้ "ฟริเกต" นั่งนิ่ง ๆ
แต่ดูท่า "ฟริเกต" จะชอบ
ตอนตาม "ก๋งทิป" มาเที่ยวที่กอง บ.ก. อ.ส.ท.
พอ "ก๋งทิป" บอกให้นั่งสมาธิโชว์
"ฟริเกต" เป็นขัดสมาธิ หลับตา มือประสานทันที
ถ้า "ก๋งทิป" ไม่บอก "ฟริเกตพอแล้ว"
"ฟริเกต" ก็อยู่ท่านั้นหละ




วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551

บ ท ก วี . . . อนิจจังแห่งรัก

 

 

 

 

 

อนิจจังแห่งรัก 

 

ครั้งหนึ่ง....ความรักของชั้นเริ่มต้น

ครั้งหนึ่ง....ชั้นเริ่มรักใครบางคน

มัน เกิดขึ้น

 

ครั้งนั้น....ความรักที่ชั้นมีต่อใครบางคนดำเนินไป

ครั้งนั้น....ชั้นเห็นความรักของเรา

มัน ดำรงคงอยู่

 

ครั้งนี้....ความรักของเราจบลง

ครั้งนี้....ชั้นรู้ว่าความรักของเราจากชั้นไปแล้ว

มัน ดับไป

 

เกิดขึ้นในบัดดล....

ดำรงคงอยู่ชั่วขณะ....

และดับไปชั่วนิรันดร์อยู่เป็นนิจ....

 

 

 

๐๐.๓๕ นาฬิกา

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๖

บ้านแม่สังเวียน ลับแล

"คุณหวานเจี๊ยบ" เขียน

 

ไว้อาลัยให้กับความรักของคนทั้งโลก

ที่เกิด-ดับ เกิด-ดับ อยู่เป็นนิรันดร์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 





เพลง "นิรันดร์"

 

 

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551

ห้ อ ง ส มุ ด ดิ จิ ต อ ล พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) - รวมภาพเก่าหาดูยาก ภาพหลวงพ่อจรัญและวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

http://jarun.multiply.com/






ห้องสมุดดิจิตอล
พระธรรมสิงหบุราจารย์
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี



รวมรูปภาพเกี่ยวกับหลวงพ่อ
ธรรมบรรยาย และไฟล์เสียง
วิดีโอสอนวิปัสสนากรรมฐาน






ทางคณะผู้จัดทำได้จัดทำห้องสมุดดิจิตอล
ตามเจตนารมณ์ของท่านพระครูปลัดสิทธิวรวัฒน์ (พระครูคธาวุฒิ)
เนื่องจากท่านเล็งเห็นว่า คณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนที่มาที่วัดนั้น
ต่างมีกล้องถ่ายรูป มีกล้องวิดีโอถ่ายเก็บไว้กันแทบทั้งสิ้น
แต่ไม่มีที่รวบรวมเก็บไว้ให้เป็นที่เดียว
จึงเกิดเป็น ห้องสมุดดิจิตอลพระธรรมสิงหบุราจารย์ ขึ้น

หากญาติธรรมท่านใดมีรูปถ่าย วีดีโอ
หรือสิ่งอื่นใดที่เกี่ยวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ไม่ว่าจะเป็นฟิลม์ ม้วนวีดีโอ ไฟล์ดิจิตอล ซีดี หนังสือ
หรือสิ่งอื่นใดที่คิดว่าน่าจะนำมาเก็บรวบรวมเพื่อเผยแผ่ ณ ที่แห่งนี้
ติดต่อได้ที่คณะผู้จัดทำ